นอกเหนือจากความสุขสุดๆ ที่ได้เห็นอาร์เซนอลเข้าป้ายเฉือนชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน ช่วงทดเจ็บ 2-1 ผมคิดว่าแฟนบอลคงได้เห็นอะไรอีกหลายอย่างตลอดเกม 90 นาที

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือผมได้เห็นว่า อาร์เซนอล กำลังเดินไปถูกทาง

แฟนบอล 6 หมื่นกว่าคนในสนามเป็นพยานได้อย่างดี

นับแต่ อาร์แซน เวนเกอร์ ตัดสินใจเดินออกไป อาร์เซนอล กระบวนการคัดเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่มีชื่อของ มิเกล อาร์เตตา ติดอยู่ในโผตั้งแต่แรก แต่ตอนนั้นบอร์ดตัดสินใจเลือก อูไน เอเมรี เข้ามาทำงานก่อน

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะแยกทางกันไปแล้ว ผมคงไม่ปากกล้าตัดสินว่า เอเมรี เป็นทางเลือกที่ผิด เพราะนาทีนั้นคงไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

สุดท้ายก็มาลงเอยกับ มิเกล อาร์เตตา และถึงขณะนี้ ดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

นอกจากแชมป์เอฟเอ คัพ ที่ได้มาตั้งแต่ปีแรกของการเข้าคุมทีมกลางฤดูกาล แต่ออกสตาร์ตฤดูกาลนี้ อาร์เซนอลมีผลงานแทบจะหนีตกชั้น แต่ตอนนี้พวกเขากลับมามีลุ้นคว้าตั๋วไปถ้วยยุโรปอย่างเต็มภาคภูมิ

แรกๆ แฟน “เดอะ กันเนอร์ส” อาจไม่ค่อยเชื่อใจอาร์เตตา แต่ตอนนี้ผมเห็นได้ว่าทุกคนกำลังหนุนหลังเขาสุดตัว

แม้ในขณะที่อาร์เซนอลยังตามหลังวูล์ฟ จนถึงนาที 70 กว่าๆ หากเป็นบางทีมแฟนบอลอาจถอดใจหรือเริ่มส่งเสียงโห่ แต่มันตรงข้ามกับแฟนอาร์เซนอล พวกเขายังคงร้องเพลงเชียร์เสียงดังกลายเป็นนักเตะคนที่ 12

ซึ่งสุดท้ายมันก็ได้ผล ประตูชัยช่วงทดเจ็บทำเอาทั้งทีมและกองเชียร์ฉลองกันเมามันสุดๆ

ผมคิดว่าแฟนบอลทีมอื่นอาจหลงแซวว่านี่พวกแกได้ถ้วยแชมป์กันหรือไง ทำไมถึงได้ดีใจกันขนาดนั้น ทั้งที่มันก็แค่ 3 แต้ม

แต่สำหรับผม มันคือ 3 แต้มที่คุณค่ามากกว่า 3 แต้ม มันคือชัยชนะที่มาจากสปิริตของทั้งทีมงาน นักเตะ และกองเชียร์ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ภายใต้บ้านหลังเดียวกันคือ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล

เดือนมกราคมที่ผ่านมา อาร์เซนอลอาจไม่ชนะใครเลยและตกรอบบอลถ้วย 2 รายการ แต่ความจริงก็คือไม่มีทีมไหนที่จะชนะไปได้ทุกนัดอยู่แล้ว อุปสรรค ก้อนหินข้างทางที่จะทำให้สะดุดล้มมันย่อมมีอยู่บ้าง

เพียงแต่ล้มแล้วจะลุกได้เร็วแค่ไหน จะเดินหน้าต่อได้หรือไม่ หรือแค่ยกธงขาวยอมแพ้ปล่อยให้คู่แข่งไล่แซงเราไปเรื่อยๆ

ซึ่งนาทีนี้อาร์เซนอลดูเหมือนไม่ใช่ทีมประเภทหลัง