หลังจาก ‘Kingdom’ หรือ ‘ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด’ ทั้งซีซั่น 1-2 เฉิดฉายจนติด TOP 10 สุดยอดหนังสยองขวัญของ Netflix อยู่นานข้ามปี ในที่สุดก็ได้เวลาที่เหล่าแฟนคลับรอคอย ด้วยการกลับมาของภาคพิเศษ เนื้อหาที่ถูกเปิดเผยจากทีมผู้สร้างระบุไว้แล้วว่า จะเน้นไปในเรื่องของการล้างแค้นเอาคืนของชนเผาเหนือ รวมไปถึงปริศนาของ “ดอกไม้” ที่ช่วยให้คนตายกลับมาฟื้นคืนชีพ ที่ต้องแลกมาด้วยความหายนะและความสยดสยอง…

ย้อนรอย ‘Kingdom’ ซีซั่น 1-2
ในสมัยโชซอน เมื่อองค์รัชทายาท “อีชาง” (รับบทโดย จู จีฮุน) สงสัยถึงพระอาการป่วยที่แปลกประหลาดของพระราชา อีกทั้งยังโดน “มเหสีโจ” มเหสีใหม่ที่อายุยังน้อยเข้ามาคอยกีดกันไม่ให้พบหน้าพ่อตัวเอง “อีชาง” ต้องปลอมตัวออกนอกวังเพื่อไปสืบหาความจริง จนกระทั่งพบว่ามีโรคประหลาดแพร่กระจายไปทั่วดินแดน ชาวบ้านที่ตายไปแล้วกลับฟื้นคืนชีพกลายเป็นผีดิบ (ซอมบี้) ไล่กัดกินผู้คนจนกลายเป็นผีดิบไปด้วยกัน

“อีชาง” ได้ร่วมมือกับ “ซอบี” (รับบทโดย แบ ดู-นา) แพทย์สาวประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อหาทางปราบปรามเหล่าซอมบี้ ขณะเดียวกันองค์รัชทายาท ก็ต้องลี้ภัยทางการเมือง เนื่องจาก อำมาตย์ “โจฮาคโจ” (รับบทโดย ริวซองรยอง) อาศัยอำนาจของพระราชาสั่งการไล่ล่าตัวรัชทายาท พร้อมกับรอวันให้ลูกสาวที่เป็นพระมเหสี คลอดบุตรชาย(หลานชาย) มาสืบบัลลังก์แทนองค์รัชทายาท

พวกเขาถูกฝ่ายทหารไล่ล่าตัว แล้วยังต้องสู้กับซอมบี้ตามเมืองต่างๆ จนทำให้รู้ว่าเหล่าผีดิบนั้นไม่ชอบแสงสว่าง พวกมันจะหลบอยู่ในที่มืดเวลากลางวัน และพวกมันไม่สามารถว่ายน้ำได้ การกำจัดที่ดีที่สุดคือต้อง “ตัดหัว” หรือ “ทำลายส่วนหัว” เท่านั้น!! การออกไปสำรวจหัวเมืองทำให้ อีชาง เจอกับพยานปากเอกที่เป็นหมอชาวบ้านรายหนึ่ง เขาถูกเรียกเข้าวังเพื่อนำ “ดอกไม้” ไปชุบชีวิตพระราชา แต่กลับกลายเป็นได้ผีดิบแทน สาเหตุก็เพราะต้องการให้ “มเหสีโจ” คลอดบุตรชายออกมาก่อน จากนั้นก็จะปลอมราชโองการ เปลี่ยนรัชทายาทใหม่….โดยมี อำมาตย์ “โจฮาคโจ” ชักใยอยู่เบื้องหลัง

กลุ่มของ “อีชาง” บุกเข้าวังเพื่อเปิดโปงความจริงแต่ก็ยังโดนขัดขวาง แถมทั่วเมืองเต็มไปด้วยเหล่าผีดิบ “อีชาง” ต้องใช้ความพยายามในการโน้มน้าวเหล่านายทหารทั้งหมด เพื่อให้เห็นว่าถ้ายังไม่ร่วมกันต่อสู้กับ “ผีดิบ” ต่อต้านอำนาจชั่วของฝ่ายอำมาตย์และพระมเหสีแล้วละก็ สุดท้ายก็จะไม่เหลือใครรอดชีวิตแน่นอน หลังจากปราบปรามผีดิบและกลุ่มพระมเหสีลงได้หมดแล้ว “อีชาง” ไม่ได้สังหารองค์รัชทายาทองค์ใหม่ และยังให้กำลังทหารคุ้มครองดูน้องชายต่างแม่อย่างดีอีกด้วย ขณะที่ตัวเขาเองมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อสืบหาที่มาของ ดอกไม้มรณะ…..

‘Kingdom: Ashin of the North’
การปรากฏตัวของ นักล่าสาว “อาชิน” (รับบทโดย จอนจีฮยอน) ที่มีความแค้นกับผู้คนมากมาย เธออาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความลึกลับของดอกไม้มรณะ พืชแปลกประหลาดที่มักจะขึ้นอยู่ตามสุสาน พืชเหล่านี้มีไข่จากตัวปรสิตที่จะเข้าไปเปลี่ยนศพของมนุษย์ หรือ คนเป็นๆ ระหว่างนั้นพวกมันจะเริ่ม ให้กลายเป็น ซอมบี้ผีดิบ ไล่กัดกินผู้คนพร้อมกับการแพร่กระจายของไข่ คล้ายกับเป็นการสืบพันธุ์ไปเรื่อย ๆ อาศัยร่างกายของคนเป็นพาหนะเท่านั้น ด้านหัวหน้ากองบัญชาการทหารหลวง บุคคลที่ “อีชาง” ไว้ใจที่สุดหลังถูกโยกมาประจำการทางหัวเมืองเหนือ ก็ต้องโดนเหล่าซอมบี้โจมตีอย่าหนักหน่วง เช่นเดียวกับเรื่องราวในวังหลวงเมื่อ “รัชทายาท” มีปรสิตในร่างกาย ปริศนาของเรื่องราวทั้งหมดจะถูกคลี่คลายลงได้อย่างไร ใครจะเป็นผู้รอดชีวิตจากหายนะครั้งนี้ และใครคือผู้อยู่เบื้องหลังของการแพร่ระบาดจริงๆ ติดตามกันได้ทาง Netflix เท่านั้น

รู้ก่อนชม Kingdom: Ashin of the Nort

1. อาชิน คือใคร จริงๆแล้วเธอเป็นเด็กในชนเผาทางเหนือของเกาหลี ช่วงวัยเด็กของ อาชิน (รับบทโดย คิมชีอา) เธอได้ค้นพบสมุนไพรคืนชีพเป็นครั้งแรกที่พเยซากุน บริเวณชายแดนทางตอนเหนือ ใกล้กับถิ่นอาศัยของชนเผ่าพาจอวี และซองจอยาอิน ซึ่งถือเป็นพื้นที่ต้องห้าม โดยมีกฎห้ามเข้าไปในพื้นที่แห่งนี้เป็นเวลากว่า 100 ปีมาแล้ว

2. ความลับของสมุนไพรคืนชีพ จริงๆแล้วหากสังเกตในซีซั่นที่ 2 จะพบว่า สมุนไพรไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำให้ศพคืนชีพ แต่สิ่งที่ทำให้คนตายลุกขึ้นมาได้คือ “ปรสิต” โดยไข่ของปรสิตจะติดอยู่กับดอกไม้และต้นสมุนไพร พอนำไปบดแล้วบีบใส่ปาก หรือผ่าศพที่หน้าผากแล้วเอาส่วนดอกยัดใส่ลงไป ไข่ของปรสิตก็จะไปฟักตัวในร่างกาย ภายในเวลา 2 ชั่วโมง พวกมันจะควบคุมสมองและบังคับร่างกายให้ออกล่าหาสิ่งมีชีวิต เพื่อจะหาที่ฟักไข่ใหม่ไปเรื่อย ๆ นั่นเอง

3. ความขัดแย้งของอาณาจักรโชซอน หลังจากมีปมปัญหากับแว่นแคว้นอื่น ๆ โดยเฉพาะกับกลุ่ม “ชนเผ่าพาจอวี” ทางตอนเหนือ อาณาจักรโชซอนต้องการจับตามองพวก “พาจอวี” จึงใช้ให้ชนเผ่า “ซองจอยาอิน” และ “ชนเผ่าหนี่ว์เจิน” คอยสอดแนมให้อย่างลับๆ มานานกว่า 100 ปีแล้ว

4. ตัวละครใหม่ นอกจาก “จอนจีฮยอน” ที่มารับบทเป็น “อาชิน” ตอนโต ยังมีตัวละครอื่น ๆ ที่สำคัญในเรื่องนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น มินชีรก (รับบทโดย พัคบยองอึน) หัวหน้ากองทัพหทารผู้จงรักภักดีในซีซัน 2 , “ทาฮับ” พ่อของอาชิน (รับบทโดย คิมรเวฮา) หัวหน้าหมู่บ้านซองจอยาอิน และ “ไอดากัน” (รับบทโดย คูคโยฮวัน) หัวหน้าชนเผ่าพาจอวี ทั้งหมดจะมาช่วยเสริมความเข้มข้นให้กับเนื้องเรื่องแน่นอน.


จุดเด่นของ Kingdom: Ashin of the Nort

ขึ้นชื่อว่าเป็น Original Netflix งาน Production ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว สิ่งแรกที่ต้องชมก็คือ CG ของ “เสือผีดิบ” บอกตามตรงว่าดูแล้วโหดมาก ใช้ภาพเพื่อบิ้วอารมณ์แบบสุด ๆ มุมกล้องที่ทำให้ดูเหมือนเราเป็นเสือ สลับกับมุมกล้องที่ทำให้เราเป็นเหยื่อ เป็นอะไรที่ช่วยให้หนังน่าสนใจและไม่น่าเบื่อเลย ฉากของหมู่บ้านเล็ก ๆ ทั้งกลางวันกลางคืน ล้วนทำให้เกิดความต่างอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญยังนำเอาภาพหน้าหมู่บ้านมาเล่นกับอารมณ์ของผู้ชมด้วย จากเดิม ๆ ที่สงบสุขพอถูกรุกรานก็จัดซีนภาพให้เกิดความหดหู่ใจเป็นหลายเท่าตัว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมมาก ๆ ก็คือ บทของ “อาชิน”วัยเด็ก น้อง”คิมชีอา” เธอเล่นได้ดีมาก ๆ ตีบทแตกกระเจิง โดยเฉพาะซีนช่วงที่เธอสูญเสียทุกสิ่ง ร่ำไห้ปล่อยโฮแบบไม่คิดอะไรเลย ผู้ชมที่มีจิตใจอ่อนไหวลองดูซีนนี้ มีสิทธิ์ต้องร้องไห้ตามเพราะสงสารน้องแน่ๆ

จุดอ่อนของ Kingdom: Ashin of the Nort

พล็อตเรื่องและบทของหนังเรื่องนี้เดาได้ง่ายมาก หลายคนเดาออกทันทีว่าตอนจบจะเป็นยังไง แต่การปูพื้นเรื่องทำให้ผู้ชมรู้สึกสงสารตัวเอก ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป เพราะถ้าหนังเอาแต่เน้นเรื่องราวชีวิต ความยากไร้ ความลำบากแร้นแค้น การสงคราม ผู้ชมก็จะเริ่มเบื่อหน่ายและตั้งคำถามว่านี่คือ “หนังสยองขวัญ” หรือ “หนังชีวิตสงคราม” กันแน่ เพราะเปิดเรื่องมาเอาเรื่องการเมืองการปกครองมาโชว์ ก่อนจะลากยาวมาสู่การสงคราม ผ่านไปมากกว่าครึ่งเรื่องแล้ว ก็ยังไม่มีผีดิบที่เป็นศพวิ่งได้สักตัว งานนี้ต้องมีหลับคาโซฟากันบ้าง

3/5 ความอลังการของงานผลิตดูยังไงก็เพลิน แต่ถ้าไม่อารัมภบทชีวิตนานเกิน คงจะดีกว่านี้หลายเท่าแน่นอน

————————————-

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน

ขอบคุณข้อมูล ภาพจาก เว็บไซต์ Youtube และNetflix