หลายสิบปีที่ผ่านมา เชลซี อาจเป็นสโมสรใหญ่สโมสรหนึ่งในพรีเมียร์ลีก แต่ยังไม่ถึงกับเป็นยักษ์ใหญ่อย่างแท้จริง จวบจนกระทั่ง โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียเป็นผู้เข้ามาเปลี่ยนโชคชะตาของทีม “เดอะ บลูส์” ไปตลอดกาล

เพราะก่อนหน้าปี 2003 ที่อบราโมวิชซื้อทีมต่อจากเคน เบตส์ ในราคาเพียง 140 ล้านปอนด์ พ่วงด้วยรับผิดชอบหนี้สินอีกกว่า 100 ล้านปอนด์นั้น ตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา เชลซี เคยคว้าถ้วยแชมป์รวมกันจิ๊บจ๊อย 11 รายการ

แต่ในยุคของอบราโมวิช 19 ปี เชลซี กวาดแชมป์มากถึง 21 รายการ ได้แก่ พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย, ยูโรปา ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย, ลีกคัพ 3 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 สมัย, สโมสรโลก 1 สมัย, คอมมูนิตี ชิลด์ 2 สมัย

นับว่าได้ครบแล้วทุกแชมป์บนโลกนี้ที่สโมสรฟุตบอลใดพึงจะกระทำได้

ดังนั้นถึงเป็นคนต่างชาติแต่พูดได้ว่าเสี่ยหมีคือเจ้าของสโมสรที่แฟนบอลเชลซีรักมากที่สุด ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันมีกี่ครั้งกันที่แฟนเชลซีออกมาด่าเจ้าของทีม เพราะนี่คือเจ้าของทีมที่เรียกว่า “พี่นี้มีแต่ให้” อย่างแท้จริง ไม่มีใครเปย์มากกว่านี้อีกแล้ว เงินกว่า 2 พันล้านปอนด์ที่ละลายไปกับนักเตะ และเงินอีกมากมายที่จ่ายไปเพื่อคำเดียว คือ คว้าแชมป์

มันไม่แปลกที่ตั้งแต่เทคโอเวอร์ เชลซี เดินหน้าขาดทุนตลอด 9 ปีแรก หลังจากนั้นแม้มีบางปีที่พลิกกำไรได้บ้าง แต่เชลซียังเดินหน้าขาดทุนต่อเนื่อง ซึ่งหากมองด้วยสายตานักธุรกิจ นี่คือการลงทุนที่น่าผิดหวัง เพราะเชลซีไม่ได้ทำกำรี้กำไรเข้ากระเป๋าเสี่ยหมีเลย

อย่างไรก็ตามเสี่ยหมีทำทีมแบบแฟนบอล ทำทีมแบบคนรักสโมสร เขาอัดฉีดเงินเข้าไปอย่างไม่อั้นราวกับว่ามีกระเป๋าเงินที่ไม่มีวันหมด นั่นทำให้เชลซีขาดทุนตลอด แต่เสี่ยหมีก็ไม่ได้แคร์ เพราะเงินที่ลงไปมันนำมาซึ่งแชมป์สารพัด ที่สำคัญทำให้แฟนเชลซีมีความสุขมาได้อย่างยาวนาน

เจ้าของสโมสรอื่นซื้อกิจการทำทีมเพื่อกำไร แต่เสี่ยหมีทำทีมเชลซีเพราะใจล้วนๆ

น่าเสียดายที่วันนี้ฉากจบของเขากับเชลซีไม่ได้สวยงาม เสี่ยหมีจำใจต้องขายเพื่อปกป้องทีมที่เขารัก และบางที เชลซี อาจจะไม่เจอเจ้าของทีมที่ดีขนาดนี้อีกแล้วก็เป็นได้.
เฮียเอง