ก่อนเกมดาร์บีแมตช์แห่งเมืองแมนเชสเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เชื่อว่าแฟนบอลผีแดงส่วนใหญ่น่าจะไม่ได้คาดหวังว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะทำผลงานสุดอหังการถึงขั้นบุกไปทุบ แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นทีมที่แกร่งที่สุดบนเกาะอังกฤษ ได้แน่นอน

            ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนก็คงไม่ได้แปลกใจ และไม่ได้เกรี้ยวกราดด้วยที่เห็นพลพรรคผีแดงโดนเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญกระทืบจนแหลกคาเท้าถึง 4-1 เพราะเห็นกันชัด ๆ อยู่แล้วว่า ทีมรักของตัวเองมีคุณภาพต่ำตมขนาดไหนเมื่อเทียบกับทีมจ่าฝูง

            ทว่าสิ่งที่ทำให้สาวก เรด อาร์มี รวมไปถึงอดีตนักเตะ และอดีตผู้จัดการทีมผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกผิดหวัง และเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งก็คือทัศนคติ หรือ จะเรียกให้หยาบ ๆ หน่อยก็ “สันดาน” ของนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ที่แสดงออกมาให้เห็นในเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม มากกว่า

            รอย คีน อดีตกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ออกมาพูดถึงนักเตะชุดนี้หลังจบเกมกับ แมนฯ ซิตี ว่า มีอย่างน้อย 5 หรือ 6 คนที่ไม่ควรจะได้สวมชุดแข่งของสโมสรลงสนามอีกต่อไป

            “คีโน” บอกว่า เขายอมรับได้หากรุ่นน้องโชว์ฟอร์มห่วย หรือ ก่อความผิดพลาดในสนาม แต่รับไม่ได้เลยกับการที่นักเตะหลายคนเล่นแบบถอดใจ ไม่ทุ่มเท และทำเหมือนไม่แยแสกับผลการแข่งขันที่ออกมา ทั้งที่นี่คือเกมดาร์บีแมตช์ที่มีศักดิ์ศรีเป็นเดิมพันแท้ ๆ

            เกมนี้ ราล์ฟ รังนิก มีปัญหาในการจัดทีมพอสมควร เมื่อไม่มีทั้ง คริสเตียโน โรนัลโด, เอดินสัน คาวานี และราฟาแอล วาราน ที่บาดเจ็บ รวมทั้ง ลุค ชอว์ ที่ติดโควิด

            อย่างไรก็ตาม ด้วยทัศนคติในการเล่น และคุณภาพนักเตะที่เข้าขั้นบัดซบตบชัก โดยเฉพาะในแดนกลาง และแดนหลังแบบนี้ต่อให้ รังนิก มีขุมกำลังชุดที่ดีที่สุดให้เลือกใช้งานก็คงไม่สามารถช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้แน่นอน

            ปัญหาของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่โค้ช หรือ อยู่ที่นักเตะเท่านั้น แต่มันเป็นปัญหาระดับโครงสร้างที่สั่งสมมานานหลายปี โดยเฉพาะเรื่องนโยบายในการซื้อตัวผู้เล่น

            ในขณะที่ทีมอย่าง ลิเวอร์พูล หรือ แมนฯ ซิตี เลือกซื้อนักเตะตามที่โค้ชต้องการ เข้ากับระบบการเล่น และสามารถใช้งานได้จริง แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับเลือกซื้อนักเตะตามชื่อเสียง และมูลค่าทางการตลาด

ส่วนโค้ชก็ต้องก้มหน้าใช้งานนักเตะที่เบื้องบนหาซื้อมาให้ ถ้าใช้แล้วไม่ถูกใจก็จับมันดองไว้ข้างสนามเหมือนกับในรายของ ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ค นั่นยังไง

             หาก แมนฯ ยูไนเต็ด ยังหวังที่จะกลับมาประสบความสำเร็จ พวกเขาก็ต้องรื้อนโยบายในการเสริมทัพเสียใหม่ เริ่มจากการโละนักเตะที่ไม่มีใจให้สโมสรอาทิ ปอล ป็อกบา และเจสซี ลินการ์ด ที่แสดงให้เห็นกันโต้ง ๆ ว่า ไม่ได้ทิ้งหัวใจเอาไว้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกแล้ว

            นอกจากนี้นักเตะประเภทม้าแก่อย่าง ฆวน มาตา, เนมานยา มาติช, เอดินสัน คาวานี หรือ อาจจะรวมไปถึง คริสเตียโน โรนัลโด , นักเตะขวัญใจคุณหมอ และพยาบาลอย่าง เอริก ไบยี และฟิล โจนส์ รวมทั้งนักเตะที่คุณภาพไม่ถึงอย่าง เฟร็ด, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และอารอน วาน บิสซากา ก็ควรถูกผ่องถ่ายออกไปเช่นเดียวกัน

            หลังจากนั้นก็เริ่มสร้างทีมใหม่ขึ้นมา โดยให้อิสระกับผู้จัดการทีมคนใหม่ที่จะเข้ามารับไม้ต่อจาก รังนิก ในช่วงซัมเมอร์นี้ เป็นคนเลือกซื้อนักเตะด้วยตัวเองเพื่อแก้ปัญหาประเภทคนซื้อไม่ได้ใช้ และคนใช้ไม่ได้ซื้อให้หมดไปเสียที

            แน่นอนว่า ทุกอย่างที่กล่าวมาไม่สามารถทำได้ในตลาดนักเตะรอบเดียวเพราะนี่คือชีวิตจริงไม่ใช่เกมฟีฟ่า หรือ ฟุตบอลเมเนเจอร์ และนั่นหมายความว่า แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด คงจะต้องร้องเพลงรอวันที่ทีมรักจะกลับมายิ่งใหญ่ต่อไปอีกอย่างน้อย ๆ ก็ 3 ถึง 5 ปีนั่นล่ะครับ.

แท ยอน