“ขอโทษคนที่เรารักไม่จำเป็นต้อง..รู้สึกว่าเราผิด แค่รู้สึกว่าเขาสำคัญ..เท่านั้นก็พอ”

ดูเหมือนว่าคดีที่เกี่ยวกับตำรวจถูกร้องเรียนว่ารังแกชาวบ้านตาดำๆ มันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด หายไปสักพักก็กลับมาอีก หายไปสักเดี๋ยว ก็ย้อนมาเกิดอีก แล้วอย่างนี้จะลบความรู้สึกที่ไม่ดีที่ประชาชนมีต่อตำรวจได้ยังไง

เรื่องฉาวๆ วงการตำรวจรอบนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงวันที่ 23-24 ก.พ.ที่ผ่านมา วันนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์ 7 คน บุกเข้าไปยังบ้านพักของชาวบ้านในพื้นที่บ้านนาเดื่อ ต.นาแก้ว อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร เพื่อตรวจค้นหายาเสพติด

แต่กลุ่มชายฉกรรจ์กลับไม่แสดงตัวว่าเป็นตำรวจ หมายค้นก็ไม่มี แถมยังยัดยาบ้ากว่า 30 เม็ด ใส่กระเป่าของ “นางเอ” ซึ่งเป็นแม่ของเจ้าของบ้าน จากนั้นก็บังคับให้สารภาพ แต่ นางเอ ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องยาเสพติดเลย

จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ได้เดินค้นตรวจสอบบ้านพัก ก่อนจะดึงปลั๊กกล้องวงจรปิดรอบบ้านออก พร้อมกับคุมตัว นางเอ กับกลุ่มคนงานที่กำลังก่อสร้างในบ้าน ไม่เว้นแม้แต่เด็ก 5 ขวบ ที่เป็นลูกสาวของ นางเอ ไปยังเซฟเฮาส์

เท่านั้นไม่พอ กลุ่มชายฉกรรจ์ได้โทรศัพท์ ไปเรียกเอาค่าไถ่จากญาติของนางเอ เป็นเงิน 3 แสนบาท พอได้เงินก็ปล่อยตัวออกมา สุดท้าย นางเอ ได้ปรึกษากับญาติ และพากันเข้าแจ้งความที่ สภ.โพนนาแก้ว รวมทั้งร้องเรียนไปยังตำรวจภูธรภาค 4 ให้ช่วยสืบหาตัวคนร้ายกลุ่มนี้ว่าเป็นใคร ใช่ตำรวจจริงหรือไม่

กระทั่งมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ก่อเหตุอุกอาจนี้ “เป็นตำรวจจริง” โดยผู้เสียหายสามารถแจ้งความดำเนินคดีทางอาญาได้ ส่วนทางตำรวจจะพิจารณา 2 เรื่อง คือเรื่องทั้งคดีอาญา และก็เรื่องการดำเนินการทางวินัย พนักงานสอบสวนมีเวลาดำเนินการใน 30 วัน ต้องมีความคืบหน้า เพื่อส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.พิจารณา

สำหรับตำรวจทั้ง 7 นาย ได้ถูกส่งตัวไปประจำอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร เพื่อป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับคดี ระหว่างนี้ภายใน 60 วัน หากพบว่ามีมูลข้อเท็จจริงก็จะตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง

นี่เป็นอีกหนึ่งคดีฉาว ที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่กระทำโดยตำรวจ อีกทั้งการสอบสวนกินระยะเวลายาวนานเป็นเดือนสองเดือน กว่าเรื่องจะถูกส่งไปที่ ป.ป.ช. แม้ทั้งหมดจะโดนเด้งไปอยู่ที่อื่นแล้วก็ตาม แต่ผู้เสียหายจะมั่นใจได้อย่างไรว่า หลังจากนั้นจะอยู่กันอย่างปลอดภัย ไม่หวาดผวา หวาดกลัว แล้วสามารถนอนหลับได้อย่าง..สนิทใจ.

ตำรวจชุมชนสัมพันธ์

ตรวจพื้นที่
พ.ต.ท. บดินทร์ ชูเฉลิม สว.ส.ทล.2 กก 4 บก.ทล.ขอนแก่น พร้อม ร.ต.อ.พัลลภ สารคำ รอง สว. ร.ต.อ.จุติภูมิ ชิดนอก รอง สว. ได้ออกตรวจพื้นที่เยี่ยมหน่วบริการตำรวจทางหลวงหนองเรือ จ.ขอนแก่น และตรวจรับมอบการปรับพื้นที่จะก่อสร้างหน่วยบริการแห่งใหม่ เพื่อรองรับพี่น้องประชาชนเป็นที่จอดพักรถระหว่างเดินทาง สะดวกสบายมากขึ้น พร้อมทั้งมอบนโยบายในการปฏิบัติหน้าที่ กับผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างสุภาพเรียบร้อย “ทำทุกอย่างด้วยสำนึกเพราะเราคือตำรวจทางหลวง”(ขอนแก่น)

ไม่ทอดทิ้งกัน
พ.ต.อ.รัตนสุข คำวงศ์ ผกก.สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ลงพื้นที่ออกเยี่ยมเยือนประชาชน ตามโครงการ “แก่นคูณ เกื้อกูล คนขอนแก่น ไม่ทอดทิ้งกัน” ก่อนมอบเงินและสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ให้กับครอบครัวนางสนิท อันเงิน ราษฎรบ้านอาจสามารถ ต.นาเพียง เพื่อเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้นกับครอบครัวที่ยากไร้ ถือเป็นการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคม


ผนึกภาคีเครือข่าย
ภารกิจหลักของทุกโรงพักในเวลานี้คือการเฝ้าตรวจ เตือน และเตรียมการรองรับภัยพิบัติ ที่จะเกิดขึ้น แต่สำหรับที่นี่ พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ จำรัสประเสริฐ ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู กลับมองเห็นความปลอดภัยของประชาชนต้องมาเป็นอันดับ 1 จึงมอบหมายภารกิจสำคัญให้ พ.ต.อ.ภพกร กวินโยธิน รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู พร้อมหัวหน้าสถานีทุก สภ.โดยเฉพาะ พ.ต.ท.สุภี พลดงนอก รอง ผกก.ป.สภ.ศรีบุญเรือง และคณะวิทยากร ผนึกกำลังนำประชาชนและภาคีเครือข่าย เข้ารับการฝึกอบรมการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมระดับตำบล ประจำปี 2565 สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในเขตความรับผิดชอบ ภารกิจดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทำให้ข้าราชการตำรวจและประชาชนจิตอาสา มีความรู้และทักษะในการสอดส่องดูแล เฝ้าระวัง ตรวจสอบและแจ้งเตือนภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชุมชน งานนี้คนเป็นนายใหญ่อดปลื้มเสียมิได้


****************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิีกสลีป