เหตุดังลั่นโลก ไทยลีก 3 รอบแชมเปี้ยนส์ลีก เริ่มจาก “ฮอลล์” ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิต ของ ม.นอร์ทกรุงเทพ ไปเตะสะกิดขาหลังของ อิศเรศ แข้งบางกอก เอฟซี ฉับพลันอารมณ์โกรธพลุ่งพล่าน อิศเรศ ปรี่เข้าไปประชิดตัว ก่อนศอกซ้าย ฟันโชะเข้าเต็มหน้าของ ศุภสัณฑ์ ที่ไม่ทันได้ระวังตัว เปิดการ์ดเต็มที่ ใครจะคิดว่าพี่จะโหดขนาดนี้

“เจ้าฮอลล์” ศุภสัณฑ์ หนุ่มปี 1 วัยแค่ 19 ปี แตกเหวอะบริเวณปาก เย็บ 24 เข็ม สุดสยอง แถมไปสแกนละเอียด พบว่ากระดูกใบหน้าร้าวอีกด้วย ต้องรักษากันยาว

สำหรับ อิศเรศ ใบแดงในวันนั้น แค่เริ่มต้นของวิบากกรรม อึดใจต่อมา ต้นสังกัด บางกอก เอฟซี ก็เขี่ยทิ้ง แถลงการณ์ยกเลิกสัญญาทันที ถือเป็นพฤติกรรมทำให้เสื่อมเสีย

โทษจากสมาคมบอลนั้น คณะกรรมการพิจารณาวินัย ชงสู่การอัพเกรดโทษ เพราะเข้าข่ายสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ โดยจะชงไปสู่การตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจมาสอบสวน บทลงโทษ คือห้ามมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับกีฬาฟุตบอลที่สมาคมฯ จัดขึ้น

กรณีทำให้ภาพลักษณ์ฟุตบอลไทยเสื่อมเสีย เคยมีประเด็นแบนตลอดชีวิตมาแล้ว เหตุเกิดเมื่อปี 2555 นักเตะระยอง ไล่กระทืบกรรมการ ภาพออกสื่อชัดเจน ดังไปทั่วประเทศ สุดท้ายโดนแบนตลอดชีวิต (ก่อนที่หลายปีต่อมาจะยื่นอุทธรณ์ได้)

ทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์ ดูเป็นกรอบที่กว้าง มีความรู้สึกมาเจือปน เคส อิศเรศ น้อยใจบุญ ทำให้เสื่อมเสียไหม ก็นอกจากในไทยแล้ว ยังกระฉ่อนวงกว้างสู่สายตาชาวโลก ในยุคสื่อโซเชียลครองโลก สื่อดัง อย่าง “เดอะซัน” ของอังกฤษ และสำนักต่างๆ เอาไปเล่นกันสนุก เป็นช่องสู่การฟันหนักได้

แต่มีจุดที่น่าชื่นชม กับรอบข้างคือ เหตุการณ์จบที่ “โครมเดียว” เพื่อนๆ ไม่มีผสมโรง ลุกลามบานปลายเหมือนก่อน ให้ยิ่งโฉ่กันหนัก

และก็อย่ามาแอ๊ค ทำเท่พูดว่า บอลไทยไปมวยโลก, บอลไทยพังพินาศ กะอีแค่ความผิดของคนเดียว กรณีเดียว อย่าเว่อร์มากเกินสถานการณ์

ขณะที่เรื่องของกระแสสังคม “เจ้าเจ-อิศเรศ” กลายเป็น “ตัวร้าย” ไปซะแล้ว อาจจะไม่เท่ากับหลายๆ ตัวละครในคดีดังแตงโม แต่ก็โดนก่นด่ายับ แม้เจ้าตัวจะสำนึกผิด ออกมาขอโทษทุกฝ่าย

ในทางคดี เรื่องถึงมือตำรวจเพื่อไปสืบสวนกันต่อไป ตอนนี้ อิศเรศ ก็ไม่มีต้นสังกัด ไม่มีผู้ใหญ่แล้ว ก็น่าเห็นใจเหมือนกัน คงงงชีวิต ว่าจะเอาไง

วัย 27 ปี กำลังร่วมทีมล่าพื้นที่เลื่อนชั้น ชีวิตกลับพลิกจะหมดโอกาสทำอาชีพที่ตัวเองรัก ถือเป็นเรื่องสาหัสสากรรจ์ที่สุด

ในมุมของชีวิตฟุตบอล จ่อต่อโทษประหาร ซึ่งบทลงโทษต้องเป็นไปตามระเบียบ ไม่ใช่ตามกระแสสังคม เพราะอย่าลืมว่าจะเป็นบรรทัดฐานกับความผิดแบบนี้ในอนาคตอีก

อารมณ์ชั่ววูบครั้งนี้ สำหรับ อิศเรศ แล้วไม่รู้ว่าจะได้เก็บมาเป็นบทเรียนกับชีวิตนักฟุตบอลอีกหรือไม่ ถ้าไม่…ก็ต้องเอาไปใช้กับชีวิตด้านอื่น

และกับนักฟุตบอล นักกีฬา ทั่วไป ก็จะเป็นเคสใหญ่ที่เตือนใจได้อย่างดี

เพียงวูบเดียวที่ไม่ยับยั้งชั่งใจอาจหมดอนาคตในอาชีพ

แถมยังโดนสังคมรุมประหารจากตุลาการโลกโซเชียลที่พร้อมจะพิพากษา พร้อมจะประชาทัณฑ์อย่างหนักหน่วงจนจมธรณี.

*** วุฒินล ***