ว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน…

และสำหรับแฟนบอลทีมชาติอิตาลี เวลาแห่งความสุขที่ว่านั่น กินระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี…!!!

นับตั้งแต่วันที่ อิตาลี ดวลเป้าเอาชนะ อังกฤษ คว้าแชมป์ยูโร 2020 เมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว จำเนียรการผ่านไป 257 วัน พลันที่ อเล็กซานดาร์ ทราคอฟสกี กดตูมเดียวเสียบโคนเสาเข้าไปในนาทีที่ 92 เป็นประตูชัยให้ นอร์ธ มาเซโดเนีย บุกชนะ อิตาลี 1-0 เมื่อวันพฤหัสบดี

สาวก “อัซซูรี” ที่ดื่มด่ำความสุขบนสวรรค์มาได้ไม่นาน คงรู้สึกเหมือนถูกกระชากให้หลุ่บตุ้บลงไปอยู่ในนรกขุมที่ลึกที่สุดในบัดดล เมื่อพวกเขาจะไม่ได้ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์…!!!

ตัวผู้เล่นก็แทบจะชุดเดิมทั้งหมด โค้ชก็คนเดิม แต่ทำไมผลงานมันช่างต่างกันราวสวรรค์กับนรกเช่นนี้…?

หลังแพ้ สวีเดน ในการเพลย์ออฟ อดไปฟุตบอลโลก 2018 และเป็นฉากสุดท้ายในทีมชาติของขุนพลยุคตำนานอย่าง จานลุยจิ บุฟฟอน และ ดานิเอเล เด รอสซี อิตาลี เริ่มต้นการสร้างทีมใหม่โดยมี โรแบร์โต มันชินี นำทัพ พร้อมกับการปฏิวัติแนวทาง หันมาเล่นเน้นเกมรุกดุดัน และ “มันโช” ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี พา “อัซซูรี” ประสบความสำเร็จในฐานะแชมป์ยุโรป

แต่เวลาไม่ถึง 1 ปี พวกเขาหล่นตุ้บมาอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันได้อย่างไร?

ในรอบคัดเลือกนั้น อิตาลี ออกสตาร์ตสุดยอด ชนะ 3 นัดรวดในกลุ่ม C แต่จากนั้นเครื่องดับเสมอ 4 เกมรวดในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนปีที่แล้ว และ 5 นัดสุดท้ายของรอบคัดเลือก พวกเขาชนะ ลิธัวเนีย ได้ทีมเดียว

โดยเฉพาะ 2 นัดเหย้าเยือนกับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ จอร์จินโญ ยิงจุดโทษไม่เข้าทั้ง 2 เกม และทำให้ทีมได้แค่เสมอทั้ง 2 นัด ซึ่งหากมิดฟิลด์ เชลซี ยิงเข้าไปสักลูก พวกนักเตะทีมชาติอิตาลี จะได้นั่งตีพุงบนโซฟาที่บ้าน ดูทีมอื่นออกแรงแย่งตั๋วไปกาตาร์กันเอาเอง

และมาถึงเกมกับ นอร์ธ มาเซโดเนีย มันเป็นไปได้ยังไงที่ทีมดีกรีแชมป์โลก 4 สมัย เจอกับทีมอันดับ 47 ของยุโรป อันดับ 67 ของโลก มีโอกาสยิง 32 ครั้ง ครองบอล 65 เปอร์เซ็นต์ เตะมุมมากมายถึง 16 หน แต่ยิงไม่ได้สักลูก?

จากทีมชุดแชมป์ยูโรที่ใช้ความนิ่งและเยือกเย็นสู้จนประสบความสำเร็จ อิตาลี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความร้อนรน เอะอะสาดบอลยาว

คนที่ดูจะมีประสบการณ์ประคองเพื่อน ๆ มากที่สุดอย่าง ชิโร อิมโมบิเล ก็ดันอยู่ในช่วงที่ขาดความมั่นใจเสียอีก…

จากนี้ไป อิตาลี คงต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ เหมือนตอนพลาดตั๋วฟุตบอลโลก 2018 อีกครั้ง แต่เส้นทางข้างหน้าไม่ง่าย เพราะเมื่อหันกลับไปมองคุณภาพของลีกในประเทศ ซึ่งเป็นรากฐานของทีมชาติแล้ว ครั้งสุดท้ายที่สโฒสรจากอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยยุโรป ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2010 ขณะที่ทีมในเซเรีย อา มีนักเตะอิตาเลียนที่อายุต่ำกว่า 21 ปีอยู่ในทีมเฉลี่ยแค่ทีมละ 2.7 คน แถมโอกาสได้ลงไปเก็บประสบการณ์ในเกมลีกยังจำกัดจำเขี่ยสิ้นดี

และที่ตลกไม่ออกคือในช่วงก่อนหน้าเกมเพลย์ออฟกับ นอร์ธ มาเซโดเนีย นั้น สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี ร้องขอให้มีการเลื่อนเกมลีกในช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้วออกไป เพื่อให้ทีมชาติมีเวลาเตรียมทีมมากขึ้นสำหรับเกมสำคัญ แต่กลับถูก กัลโ เซเรีย อา ปฏิเสธ อย่างไม่ใยดี

ตกลงทีมชาติมันมีความสำคัญกับวงการฟุตบอลอิตาลีขนาดไหนกัน?

เชื่อว่าจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็น “มันโช” ทำทีมต่อ หรือจะเป็นกุนซือคนใหม่คนไหนเข้ามา หากยังต้องเจอปัญหาเดิม ๆ ดูแล้วโอกาสประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในอนาคต ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ และหากทั้งวงการลูกหนังแดนมะกะโรนีไม่รวมมือกันแก้ไข

คำว่า “หายนะ” บนพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ในแดนมะกะโรนี น่าจะมีให้เห็นกันอีกแน่นอน…

ผยองเดช