คำแรกของกุนซือพันธุ์ร็อก บอกว่า วันนี้สีหน้า แววตาอาจดูเศร้าๆ

เศร้าเพราะงานซีเกมส์มันลำบากยากเย็นเหลือเกิน หลักใหญ่ใจความคือเรื่องของโปรแกรมแข่งขันที่ชนกับบอลภายใน

จริงๆ การแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ มาดามแป้ง ต้องการชูเรื่องขอให้เปลี่ยนโปรแกรมบอลช่วงท้ายฤดูกาล แต่พ่วงเรื่อง มาโน โพลกิง โยกมาคุมทีมซีเกมส์ แทน “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ ไปด้วย ดึงขึ้นมาแถลงร่วมกัน

เรื่องโปรแกรมแน่น มันก็เป็นเรื่องเก่า ทีนี้สื่อเลยมาชูเรื่อง มาโน ถูกโยกมาคุมซีเกมส์ ซึ่งต่อมาในข่าวแจกของทีมงาน มาดามแป้ง ก็ตัดเรื่องนี้ออกไป

มาดามแป้ง ไม่ได้ให้เหตุผลที่ฟันธง ตรงชัด แต่บอกว่า โค้ชโย่ง จิตตก จากผลงานดูไบคัพ ส่วน มาโน โพลกิง ทำได้ดีกับทีมชาติไทยชุดใหญ่ โดย “โค้ชโย่ง” กับ “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ ไม่ได้ไปไหน ไปรอคุมทีมแข่งขันศึก 23 ปี เอเชียไปเลยทีเดียว

ไม่แน่ใจว่า มาโน โพลกิง ถูกใจหรือเปล่า กับงานที่ มาดามแป้ง ส่งมาให้ เพราะดูภาษากายวันนั้น แม้จะมีแมสก์ปิดหน้าในบางช่วง แต่แววตาก็บ่งบอกชัด

มาโน มีงานหลักคือทีมชุดใหญ่ เดือน มิ.ย. มีศึกคัดเลือกเอเชียนคัพ รออยู่ คู่แข่ง มัลดีฟส์, ศรีลังกา, อุซเบกิสถาน ถือว่าเบา กับ 2 ทีมแรก แต่ก็ประมาทไม่ได้กับฟุตบอลสมัยนี้ ซึ่งทีมไทยก็พยายามพูดตลอดไม่ใช่หรือว่าประมาทไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เพราะศึกนี้เราตกขบานไม่ได้

ปลาย พ.ค. จะมีอุ่นเครื่องรออยู่ ในไทย 2 นัด ที่อุซเบกิสถาน 1 นัด คงจะดีกว่าถ้าให้ มาโน ไปมุ่งที่ทีมชุดใหญ่ไปเลย

ไหนจะเรื่องความคุ้นเคยนักเตะชุด 23 ปี ซึ่ง โค้ชโย่ง ตามมาตลอด

คือถ้าจะเปลี่ยนโค้ชทีมชุด 23 ปี ก็เปลี่ยนเอาคนอื่นไปซะเลยตอนนี้ จะได้ไม่ไปดึงของชุดใหญ่ เป็นเตี้ยอุ้มค่อม กระเตงกันไป

ในเรื่องเสียงวิจารณ์ เข้าใจว่า โค้ชโย่ง กระแสนิยมไม่ดี แฟนบอลไทยไม่ชอบ โค้ชโย่งทำทีมได้แชมป์ซีเกมส์ 2017 เผลอๆ ยังโดนด่าเยอะกว่า อากิระ นิชิโนะ ทำทีมตกรอบแรก 2019

ดูไบคัพ คือทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่อง ลองทีม และเราก็มีเวลาเตรียมตัวไปน้อย ซึ่ง 3 นัดที่ไปแข่ง แม้จะแพ้รวด แต่ไม่ได้เล่นแย่ทุกนัด และผมเชื่อว่านักวิจารณ์ไซเบอร์ส่วนหนึ่งก็ไม่ได้ดูเต็มๆ ทุกนัดเช่นกัน

มาโน โพลกิง ทำได้ดีในซูซูกิคัพ ต่อเนื่องมาถึง 2 เกมอุ่นเครื่องกับ เนปาล และ ซูรินาเม

ผลงานที่ดีสอบผ่าน แต่เจาะลงไปในรายละเอียด ต้องชม “มาดามแป้ง” ที่ดีลนักเตะทัพใหญ่มาได้ ทีมย่านอาเซียนเห็นชื่อ ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา ก็ขาสั่นพั่บๆๆ

โปรแกรมก็สำคัญมาก ซูซูกิคัพ เราเตรียมน้อย แต่คิวรอบแรกมันเอื้อมาก เตะนัดแรกกับทีมอ่อนสุดอย่าง ติมอร์เลสเต แล้วพัก 1 แมตช์เดย์ ก่อนไล่ระดับความแข็ง เมียนมา, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ คือมีเวลาระหว่างทัวร์นาเมนต์ให้จูน แทบจะตัดปัญหาซ้อมน้อยไปได้เลย

แต่ซีเกมส์คนละเรื่อง เราไม่มีโอกาสหายใจหายคอ เปิดมาเจอ 2 ทีมแข็งสุด แล้วเตะแบบวันเว้นวัน 7 พ.ค. พบ มาเลเซีย, 9 พ.ค. พบ สิงคโปร์ แล้วจึงได้พัก ไปเล่นกับของเบา 14 พ.ค. กัมพูชา, 16 พ.ค. ลาว

ถ้าเปิดมาแพ้รวด 2 นัด ตกรอบก่อนพิธีเปิด 12 พ.ค. ดูไม่จืด

ดังนั้น ทั้งเรื่องตัวผู้เล่น และคิวแข่งหฤโหด จึงเป็นโจทย์ที่ยากกว่า ซูซูกิคัพ หลายเท่าตัว

มาโน โพลกิง ทำได้ตามเป้าหมายในซูซูกิคัพ แต่เขาก็ไม่ใช่เทวดา ที่จะมาเนรมิตความสำเร็จกับสถานการณ์โหดแบบนี้

ข้อดีอาจจะมีที่ หาก มาโน ทำทีมตกรอบ คงโดนด่าน้อยกว่า โค้ชโย่ง ทำตกรอบ

บอลไทยกับซีเกมส์ ปมใหญ่คือคิวแข่งชนกัน ต้องไปแก้ตรงนั้น จะติดขัดอะไร มีตกลงถ่ายทอดสด เซ็นอะไรไว้ ก็หาทางออกกันให้ได้

การเปลี่ยนโค้ชคงไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาพะวง คิดเยอะ ยิ่งการเอาโค้ชที่มีงานคุมทีมชาติชุดใหญ่ และมีภารกิจรออยู่แล้ว

ผลเสียอาจไม่คุ้มกับการมาลดกระแสลบจากแฟนบอลที่ไม่ชอบโค้ชโย่ง.

*** วุฒินล ***