คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือ รีล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน ออกมาระบุว่าประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสโมสร เป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้พวกเขาโกงความตาย ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ หลังยอดทีมแดนกระทิงดุ ได้ 2 ประตูในช่วงทดเจ็บ แซงชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี 2-1 ใน 90 นาทีของเกมรอบตัดเชือกนัด 2 ที่ซานติอาโก เบร์เนาเบว เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้ประตูรวมเสมอกัน 5-5 ต้องต่อเวลาพิเศษ และเป็น คาริม เบนเซมา ที่ยิงจุดโทษให้ “ราชันชุดขาว” เอาชนะ 3-1 หลังจบ 120 นาที และเอาชนะด้วยประตูรวม 2 นัด 6-5 ในที่สุด

อันเชลอตติ ซึ่งทำสถิตินำทีมเข้าชิงชนะเลิศถ้วยใบใหญ่ของยุโรปได้มากสุดเป็นครั้งที่ 5 และจะดวลกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในเกมชิงดำที่สต๊าด เดอ ฟรองซ์ ในวันที่ 28 พ.ค. นั้น กล่าวว่า “ผมคงพูดไม่ได้ว่าเราคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนี้ ก็เคยเกิดขึ้นกับ เชลซี และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาแล้ว ถ้าจะถามเหตุผลว่าทำไม มันก็คงเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่เป็นตัวช่วยให้เรายังคงเดินไปข้างหน้า ในช่วงเวลาที่ดูเหมือนเราจะตกรอบไปแล้ว เกมนี้เราควรจะแพ้ไปแล้ว แต่เราก็ยังมีก๊อกสุดท้าย เราเล่นได้ดีในการเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง แต่สามารถตีเสมอได้ และได้เปรียบในแง่จิตวิทยาในช่วงต่อเวลาพิเศษ”

“เกมนี้เราเจองานยาก เพราะ ซิตี ครองเกมได้ดี แต่เราสามารถเปลี่ยนโอกาสสุดท้ายในเกมเป็นประตู และพาเราเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษได้ ผมมีความสุขมากที่เราได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศที่กรุงปารีส เจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งอีกทีม เราเคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาบ่อยแล้ว และผมเชื่อว่ามันจะเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมสำหรับวงการฟุตบอล” กุนซือชาวอิตาเลียน ทิ้งท้าย

ขณะเดียวกัน อันเชล็อตติ ระบุว่าในฐานะอดีตผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน เขายังคงมีความเป็น “เอฟเวอร์โตเนียน” อยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยม หลังเคยคุมทีม “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” อยู่ 2 ฤดูกาล ดังนั้นเกมนัดชิงดำกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่สนามสต๊าด เดอ ฟรองซ์ ชานกรุงปารีส ในวันที่ 28 พ.ค. นั้น เปรียบเสมือนเกมดาร์บี้แมตช์ที่ต้องเอาชนะให้ได้ โดยกล่าวว่า “ผมมีความสุขมากที่ได้มีส่วนร่วมในเกมนัดชิงชนะเลิศอีกครั้ง และต้องเจอกับทีมที่แข็งแกร่ง ผมเคยเจอ ลิเวอร์พูล มาแล้ว ทั้งสมัยเป็นนักเตะและโค้ช ผมเองก็เคยอยู่ที่เมืองลิเวอร์พูลมา 2 ปี สำหรับผมมันเป็นเหมือนเกมดาร์บี้แมตช์ยังไงยังงั้น ผมยังคงเป็นเอฟเวอร์โตเนียน ดังนั้น เกมนัดชิงสำหรับผมถือเป็นเกมที่ต้องเอาชนะให้ได้”

เครดิตภาพ : REUTERS