เมื่อวันนี้ 29 ก.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอบคุณมิตรไมตรีที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศว่าจะส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca จำนวน 415,040 โด๊สให้แก่ประเทศไทยในช่วงต้นเดือน ส.ค. 2564 ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โดยรัฐบาลไทยจะดำเนินการตามแผนกระจายวัคซีนเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน บรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค และนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยเร็วที่สุด

“สำหรับการมอบวัคซีนจากสหราชอาณาจักร สะท้อนถึงความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทย-สหราชอาณาจักร ตลอดจนสะท้อนบทบาทของสหราชอาณาจักรในฐานะมิตรประเทศที่มีความร่วมมือกับไทยในหลายมิติมายาวนาน โดยเฉพาะในด้านสาธารณสุข ที่ไทยและสหราชอาณาจักรมีความร่วมมือมาอย่างใกล้ชิดและครอบคลุมหลากหลายด้าน” โฆษกรัฐบาล กล่าว

โฆษกรัฐบาล กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย อันได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินตามขั้นตอนต่อไป พร้อมประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหราชอาณาจักร เพื่อให้การรับมอบวัคซีนเป็นไปอย่างเรียบร้อยและรวดเร็วที่สุด รวมทั้งให้เตรียมแนวทางพร้อมดำเนินการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ทันทีเมื่อได้รับวัคซีน ทั้งนี้ รัฐบาลไทยขอขอบคุณความสนับสนุน และความร่วมมือจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร และสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ที่มีให้กับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เดินทางไปยังวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม เพื่อถวายเครื่องราชสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เนื่องในโอกาสวันเข้าพรรษา ประจำปี พ.ศ. 2564 

จากนั้น นายกฯ เข้าปฎิบัติหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้เรียกนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าหารือวงเล็ก ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยคาดว่าติดตามและหารือถึงการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนเพิ่มเติม ภายหลังได้รับผลกระทบจากคำสั่งล็อกดาวน์ 14 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 2 ส.ค.นี้ 

จากนั้น เวลา 11.00 น. นายอะห์หมัด อับดุลเลาะฮ์ อัลฮาญะรี (Ahmed Adbulla Al-Hajeri) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรบาห์เรนประจำประเทศไทย เข้าอำลานายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นหน้าที่ ภายในห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ในช่วงบ่าย นายเกส ปีเตอร์ ราเดอร์ (H.E. Mr. Kees Pieter Rade) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เข้าอำลานายกรัฐมนตรี ต่อด้วย นางอานา ลูซี เชนทิล กาบรัล เพเทอร์เซิน (H.E. Mrs. Ana Lucy Gentil Cabral Petersen) เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำประเทศไทย เข้าอำลานายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นหน้าที่ และนายอะศิม อิฟติคัร อะห์หมัด (H.E. Mr. Asim Iftikhar Ahmad) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย เข้าอำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่.