สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า กองทัพปฏิบัติการโต้กลับทหารรัสเซีย ในหลายเขตรอบเมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ และอยู่ทางตะวันออก โดยสามารถยึดหมู่บ้านกลับคืนได้อย่างน้อย 4 แห่ง


ขณะที่เทศบาลเมืองมาริอูโปล ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน กล่าวถึงสถานการณ์ที่โรงงานถลุงเหล็ก อาซอฟสทาล ว่ายังคงมีพลเรือนตกค้างอยู่ในพื้นที่อีกประมาณ 100 คน และเรียกร้องสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) จัดการอพยพอีกครั้ง พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า กองทัพรัสเซียยังคงโจมตีโรงงานแห่งนี้อย่างหนัก ซึ่งเป็น “ฐานที่มั่นแห่งสุดท้าย” ของทหารยูเครน และกองพันอาซอฟ ซึ่งเป็นนักรบฝ่ายขวาสังกัดกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของยูเครน


ด้านนางอาฟริล เฮยน์ส ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ต้องการบรรลุเป้าหมายที่มากกว่าภูมิภาคดอนบาส หมายถึงพื้นที่ขัดแย้งทางตะวันออกของยูเครน แต่ “ศักยภาพทางทหาร” ของรัสเซีย “เป็นอุปสรรค”


ส่วน พล.ท.สกอตต์ เบอร์เรียร์ เจ้ากรมข่าวกรองทหารบก กล่าวว่า ปฏิบัติการทางหทารของรัสเซียในยูเครน ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา “กำลังเจอกับทางตัน” และ “ยังไม่มีใครเป็นฝ่ายชนะ” ไม่ว่าจะเป็นรัสเซียหรือยูเครน โดยจนถึงตอนนี้ กองทัพรัสเซียสูญเสียทหารยศนายพลแล้วอย่างน้อย 8-10 นาย

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลข่าวกรองทหารของสหรัฐและอีกหลายแห่ง บ่งชี้ไปในทางเดียวกัน ว่ารัสเซีย “พร้อมสำหรับสงครามที่ยืดเยื้อ”.

เครดิตภาพ : REUTERS