จากกรณีเกิดเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต ภายในสวนผลไม้ พื้นที่หมู่ 7 บ้านบึงบอน ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายเฉลิม เมืองที่รัก อายุ 61 ปี เจ้าของสวนผลไม้ที่เกิดเหตุ นอนคว่ำหน้าอยู่ในป่าหญ้าใต้ขอบสระน้ำ ลึกลงไปกว่า 15​ เมตร ส่วนมือปืนคือนายบุญมี เมืองที่รัก อายุ 68 ปี พี่ชายของผู้ตาย ซึ่งภายหลังจากฆ่าน้องชายได้ขับรถหนีออกจากพื้นที่ จ.จันทบุรี พร้อมปืน 2 กระบอก โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 13 พ.ค.เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า นายบุญมี ได้หลบหนีออกจากพื้นที่จันทบุรีไปแล้ว โดยมีลูกชายอีกคน ซึ่งทำงานเป็นเซลส์แมนที่ จ.สมุทรปราการ ขับรถมารับที่บ้านที่ จ.จันทบุรี มุ่งหน้าเดินทางไป จ.ปราจีนบุรี แต่ระหว่างทางรถได้ประสบอุบัติเหตุในพื้นที่ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา จนลูกชายได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ นำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะ นายบุญมี ผู้ต้องหาได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สามารถติดตามจับกุมตัว นายบุญมี ผู้ต้องหา ได้ในพื้นที่แปดริ้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ขณะพยามยามหนีลงไปซ่อนตัวในน้ำ และแอบขึ้นมาเดินทางบนบก ลัดเลาะตามชายป่าในรุ่งเช้า จนถูกเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมตัวได้สำเร็จ

ต่อมาชุดจับกุมได้คุมตัว นายบุญมี ผู้ต้องหา เดินทางกลับมายัง กองบังคับการตำรวจภูธรจันทบุรี เพื่อสอบสวนเบื้องต้นทราบข้อมูลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีลูกชายของมือปืนสมรู้ร่วมคิดก่อเหตุในครั้งนี้ด้วย ขณะนี้ทางตำรวจชุดจับกุม ได้แบ่งกำลังไปจับกุมตัวลูกชายที่ อ.แก่งหางแมว และนำพาไปเอาอาวุธปืนของกลาง ที่นำไปซ่อนไว้ในป่าก่อนที่จะคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจันทบุรี

ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ได้นำนายบุญมี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่สถานที่เกิดเหตุ  โดย นายบุญมี ผู้ต้องหากล่าวยืนยันว่าในวันเกิดเหตุได้เดินมาสอบถาม นายเฉลิม ผู้เสียชีวิตว่า มีการนำรถแบ๊กโฮมาขุดในที่ดินของตัวเอง ซึ่งทำให้เกิดการโต้เถียงกัน และทำให้ นายเฉลิม ผู้เสียชีวิตได้ใช้ปืนยิงข่มขู่ลงในหลุม ที่ใช้รถแบ๊กโฮขุด จึงเกิดความโมโห ต่อมาวันถัดมานายเฉลิม ได้เดินมาเปิดแผงควบคุมมอเตอร์ เพื่อปล่อยน้ำในสวนผู้ต้องหาได้เดินมาพูดคุย เพื่อสอบถาม เรื่องแนวเขตอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งสองจะเกิดปะทะคารมกัน

ระหว่างนั้น นายบุญมี ผู้ต้องหาอ้างว่าได้เห็น นายเฉลิม น้องชาย ล้วงมือ เข้าไปขยับกระเป๋า ทำให้ผู้ต้องหาเกิดความระแวงว่า น้องชาย จะใช้ปืนมายิง จึงตัดสินใจใช้ปืนพก ที่เตรียมมาและขึ้นไกไว้ก่อนหน้า ยกขึ้นมายิงสวนเข้าใส่ผู้ตาย 3 นัด ซึ่งในขณะนั้น ผู้ต้องหายอมรับว่าไม่แน่ใจว่าได้ยิงผู้ตายไปกี่นัด หลังเห็นผู้ตายล้มลงเสียชีวิต จึงได้ยกร่างของผู้ตาย ลากโยนทิ้งลงไปในสระน้ำเพื่ออำพรางก่อนที่จะขับรถหลบหนีไปที่ อ.แก่งหางแมว อย่างไรก็ตามจากการพูดคุยกับ นายบุญมี ผู้ต้องหายังยืนยันว่า วันเกิดเหตุแค่อยากจะเข้ามาพูดคุยตกลงเจรจากับน้องชาย เพื่อหาข้อยุติข้อพิพาทขัดแย้ง และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา ยืนยันว่าเกิดจากอารมณ์โมโห ที่ผู้ตายมีปัญหาขัดแย้งเรื่องที่ดินกับตนเอง และไม่ยอมอ่อนข้อปล่อยวางจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุ

ขณะที่ พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 กล่าวว่า พฤติการณ์จับกุมในครั้งนี้ หลังทางตำรวจสืบสวน ได้ลงพื้นที่หาข่าว ทราบว่า หลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้ขับรถกลับไปที่บ้าน ที่ อ.แก่งหางแมว พร้อมกับนำปืนที่ใช้ก่อเหตุและปืนของน้องชาย 2 กระบอก ไปให้ลูกชายคนเล็กเก็บรักษาไว้ จากนั้นได้ให้ลูกชายคนรอง ขับรถมารับที่ จ.จันทบุรี เดินทางไปหาคนรู้จักที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อซ่อนตัวกบดาน แต่ระหว่างทางรถที่ลูกชายขับเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน กระทั่งนำมาสู่การจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในส่วนของลูกชายของผู้ต้องหาทั้งสองคนที่ช่วยเก็บอาวุธปืนของผู้ต้องหา และลูกชายอีกคนที่ให้การนำพาผู้ต้องหาเดินทางข้ามจังหวัด ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่า มีส่วนให้การซ่อนเร้นอำพรางอาวุธ หรือให้การนำพาผู้ต้องหาหลบหนีหรือไม่ ทั้งนี้หากพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิดร่วม จะดำเนินการแจ้งข้อหากล่าวโทษอีกครั้ง

ด้าน นายเดชาวัฒน เมืองที่รัก อายุ 22 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คิดว่าลุง จะเป็นผู้ที่ลงมือก่อเหตุฆ่าพ่อ ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ จากนิสัยส่วนตัวของลุงภายนอกจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวน พูดจาโผงผาง แต่ไม่คิดว่า จะกล้าถึงขนาดใช้ปืนยิงพ่อของตนเองได้อย่างลงคอ ทั้งนี้ ยังอยากอโหสิกรรมให้กับลุง แต่ในทางคดีอยากทางตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้