เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กล่าวชี้แจงถึงข้อเท็จจริงกรณีการแชร์ภาพและคลิปวิดีโอคนเสียชีวิตบนท้องถนน ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม ว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์โพสต์เตือนประกอบกับคลิปวิดีโอที่ปรากฎเป็นภาพผู้เสียชีวิตบนท้องถนน ที่ถูกส่งต่อข้อมูลหรือแชร์ไปอย่างแพร่หลายในวงกว้างนั้น จากการตรวจสอบโดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล พบว่ากรณีดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.20 น. ทาง สน.ประชาชื่น ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุประชาราษฎร์ ว่ามีชายไม่ได้สตินอนอยู่บริเวณริมถนนฝั่งวิภาวดีขาออก ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ในท้องที่ สน.พหลโยธิน จึงประสานให้ สน.พหลโยธิน เข้าไปตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงเวลาประมาณ 06.10 น. พบชายคนดังกล่าวนอนอยู่ มีอาการเมา พูดไม่รู้เรื่องและทิ้งตัวลงนอนชักเกร็ง จึงประสานหน่วยกู้ชีพเอราวัณ เพื่อมาสนับสนุนและเคลื่อนย้ายชายคนดังกล่าวไปยังที่พักใต้สะพานลอยที่ปลอดภัย จากนั้นจึงตรวจปริมาณออกซิเจนพบว่าเป็นปกติและไม่มีอาการป่วยเป็นโควิด-19 แต่อาการดังกล่าวเกิดจากการเมาสุรา ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการพิสูจน์ทราบผู้ที่นำข้อมูลดังกล่าวที่มีลักษณะบิดเบือนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความตื่นตระหนกสับสน เพื่อดำเนินคดีการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามข่าวปลอม โดยกำชับให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องประสานการปฏิบัติกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ ในการสร้างการรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนหรือข่าวปลอม จากกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่โดยเฉพาะบนสื่อสังคมออนไลน์ และเร่งทำการพิสูจน์ทราบ สืบสวนสอบสวนรวมถึงดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายกับผู้กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายอย่างเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้น การกระทำในลักษณะการผลิตและเผยแพร่ข่าวปลอม หรือบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความตื่นตระหนก เกิดความสับสนวุ่นวาย โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2), (5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือ คำสั่งที่ออกตามความมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับหรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ขอเตือนการนำภาพหรือคลิปวิดีโอลักษณะนี้โพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกสับสนในสังคม ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังเป็นการซ้ำเติมประชาชนอีกด้วย และขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อ ไม่ส่งต่อหรือแชร์ข้อมูล จนกว่าจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารให้ชัดเจนเสียก่อนเพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม เพราะในปัจจุบันนี้มีข่าวปลอมเกิดขึ้นทุกวัน นอกจากนี้หากพี่น้องประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหมายเลข 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.