เมื่อวันที่ 17 พ.ค. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกเกิดภาวะผันผวน และพบว่ามีหลายประเทศ เริ่มมีภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเป็นการป้องกันการลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศไทยออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับชายแดนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา รวม 26 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ บูรณาการกำลังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งพนักงานฝ่ายปกครอง สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทหาร ตำรวจ กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ในระดับพื้นที่ เฝ้าระวัง ตรวจตรา ป้องกันการลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศไทย ออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และให้เพิ่มมาตรการลาดตระเวนและตรวจตราตามแนวชายแดน ทั้งตามจุดผ่านแดนบริเวณชายแดนและในช่องทางอื่นที่สามารถจะขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงออกไปภายนอกประเทศได้ พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เชิงรุกให้ผู้ประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการนำน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศออกไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมาย
    

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 26 จังหวัด ได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกันตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงในกรณีที่ผู้ประกอบการได้รับอนุญาตให้ขนส่งออกไปภายนอกประเทศให้ถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งกำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันสอดส่อง ดูแล และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในชุมชน/หมู่บ้าน ช่วยกันสอดส่อง ดูแล หากพบพฤติการณ์น่าสงสัยเกี่ยวกับการลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศไทยออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย ให้รีบแจ้งนายอำเภอในพื้นที่ทราบโดยทันที หรือแจ้งสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง.