เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองศรีสะเกษ หรือโรงรับจำนำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ในวันนี้ซึ่งเป็นวันเปิดภาคเรียนใหม่วันแรก ปรากฏว่าได้มีประชาชน ซึ่งส่วนมากแล้วเป็นผู้ปกครอง นักเรียน ได้พากันนำเอาทรัพย์สินของตนเอง ส่วนใหญ่เป็นสร้อยคอทองคำรูปพรรณ ผ้าไหม และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เอามาจำนำกับเจ้าหน้าที่ของโรงรับจำนำอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะนำไปใช้ในช่วงเปิดเทอมนี้

โดยนายสุวัฒน์ เทาใหม่ ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ได้นำเจ้าหน้าที่ให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ โรงรับจำนำจะตรวจสอบทรัพย์สินที่ประชาชนนำเอาจำนำว่า เรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบกฎหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ หากเห็นว่าทรัพย์สินที่ประชาชนนำเอามาจำนำมีความเรียบร้อยถูกต้องตามระเบียบ ก็จะตีราคาประเมินมูลค่าของทรัพย์สิน หากประชาชนพึงพอใจกับราคาที่เจ้าหน้าที่ประเมิน ก็จะดำเนินการรับจำนำทรัพย์สินนั้นทันที

ต่อมานายสุวัฒน์ ได้นำผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบสถานที่จัดเก็บรักษาทรัพย์สินที่ประชาชนนำเอามาจำนำพบว่า สถานที่เก็บรักษาทรัพย์สินมีความมั่นคง แข็งแรง และมีการเก็บรักษาทรัพย์สินที่ประชาชนนำเอามาจำนำอย่างดีมาก มีการจัดเก็บทรัพย์สินเป็นหมวดหมู่ แยกเป็น ผ้าไหม เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เครื่องมือช่าง ทองคำรูปพรรณ เป็นต้น สามารถค้นหาทรัพย์สินต่าง ๆ ได้ง่าย

นายสุวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้เปิดเทอมวันแรก มีลูกค้ามาใช้บริการโรงรับจำนำจำนวนมาก มีการนำเอาทรัพย์สินของตนเองที่มีอยู่มาจำนำ เพื่อเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม ซึ่งทรัพย์สินมากกว่า 80% เป็นทองคำรูปพรรณ รองลงมาก็จะเป็นทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า อุปกรณ์ช่างต่างๆ เราก็ได้ตีราคาตามระเบียบของเรา ซึ่งในช่วงเปิดเทอมใหม่นี้ เราได้เตรียมเงินไว้ให้บริการประชาชนจำนวน 120 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 50 สตางค์ต่อเดือน เงินต้นเกินกว่า 5,000 บาท แต่ไม่เกิน 30,000 บาท จะคิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อเดือน เงินต้นเกินกว่า 30,000 บาทขึ้นไปถึง 100,000 บาทจะคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน แต่ขณะนี้ทางราชการได้มีนโยบายในการลดอัตราดอกเบี้ยแก่ประชาชนช่วงเปิดเทอม โดยเงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท จะคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 25 สตางค์ต่อเดือน เงินต้นเกินกว่า 5,000 บาทขึ้นไป เราคิดอัตราดอกเบี้ย 1 บาทต่อเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2565

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่มีประชาชนจำนวนมากกำลังพากันนำเอาทรัพย์สินมาจำนำนั้น ได้ชายคนหนึ่งได้นำเอาเครื่องซักผ้ามาจำนำ แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ของโรงรับจำนำได้ตรวจสอบเครื่องซักผ้าแล้วไม่สามารถใช้งานได้ จึงไม่ได้รับจำนำเอาไว้ และให้นำกลับไป โดยนายเอ (นามสมมุติ) กล่าวว่า ตนได้นำเอาเครื่องซักผ้ามาจำนำเพื่อต้องการเงินจำนวน 2,500 บาท ไปใช้จ่ายในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ให้กับลูกชาย ซึ่งเรียนอยู่มหาวิทยาลัย​ใน​ จ.อุบลราชธานี แต่เมื่อไม่สามารถจำนำเครื่องซักผ้าได้ ตนก็จะต้องหาวิธีการอื่นเพื่อให้ได้เงินจำนวนดังกล่าวมาแทน.