นายสุธีย์ สุภาพร ผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมเรือไทย และในฐานะผู้ให้บริการท่าเรือข้ามฟาก เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ประชุมหารือกับกรมเจ้าท่าในการขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารเรือข้ามฟาก เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา มติที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าโดยสารเรือข้ามฟาก ท่าเรือละ 50 สตางค์ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.65 เป็นต้นไป มีรายละเอียดท่าเรือที่ปรับขึ้นค่าโดยสารจำนวน 8 ท่าเรือ ดังนี้

1.เรือข้ามฟาก เส้นทางท่าเรือบางศรีเมือง-ท่าน้ำนนทบุรี จากเดิมเก็บราคา 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว ขณะนี้มีผู้โดยสารใช้บริการ  3,000-4,000 คนต่อวัน 2.เส้นทางท่าเรือวัดระฆัง-ท่าเรือวังหลัง จากเดิมเก็บราคา 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว 3.ท่าเรือท่ารถไฟ-ท่าพระจันทร์ จากเดิมเก็บราคา 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว 4.ท่าเรือวังหลัง-ท่าพรานนก จากเดิมเก็บราคา 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว ปัจจุบันท่าเรือทั้ง 3 แห่งนี้ เป็นเรือข้ามฟากที่ให้บริการโดยกลุ่มบริษัท สุภัทรา จำกัด มีผู้โดยสารใช้บริการอยู่ที่ 2,000-3,000 คนต่อวัน

นายสุธีย์ กล่าวต่อว่า 5.ท่าเรือท่าเตียน-วัดอุรณ จากเดิมเก็บราคา 4 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4.50 บาทต่อเที่ยว ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการ 1,000 กว่าคนต่อวัน 6.ท่าราชวงศ์-ดินแดง จากเดิมเก็บราคา 3.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4 บาทต่อเที่ยว ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการ 2,000-3,000 คนต่อวัน 7.ท่าสี่พระยา-ท่าเรือคลองสาน เดิมเก็บราคา 4.50 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 5 บาทต่อเที่ยว และ 8.ท่าเรือโอเรียนเต็ล-ท่าเรือวัดสุวรรณ เดิมเก็บราคา 4 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 4.50 บาทต่อเที่ยว

การปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการเรือข้ามฟากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้โดยสารและรายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่น บางท่าเรือก่อนโควิด-19 มีผู้โดยสาร 5,000-6,000 คนต่อวัน แต่ช่วงโควิด-19 ลดลงเหลือ 400-500 คนต่อวัน ประกอบกับช่วงปลายปี 64 ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจุจบันอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร

นายสุธีย์ กล่าวอีกว่า ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถจะทนแบกรับภาระต้นทุนการเดินเรือได้อีกต่อไป ถ้าไม่มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร ทั้งที่ค่าโดยสารเรือข้ามฟากในปัจจุบันทุกท่าควรจะเก็บราคาที่ 5 บาทต่อเที่ยวด้วยซ้ำ เพราะปัจจุบันเรือข้ามฟากมีค่าใช้จ่ายในการให้บริการ ทั้งค่าน้ำมัน และค่าซ่อมบำรุงเรือที่ทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวก และความปลอดภัยในการใช้บริการเพิ่มมากขึ้น และเรือข้ามฟากยังมีความจำเป็นต้องให้บริการเพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางให้ผู้โดยสาร เพราะจะเป็นขนส่งสายรองที่เชื่อมต่อให้ใช้บริการระบบขนส่งสายหลักได้

อย่างไรก็ตาม อนาคตหากราคาน้ำมันดีเซลปรับราคาขึ้นสูงถึง 35 บาทต่อลิตร ทางผู้ประกอบการจะเตรียมหารือกับกรมเจ้าท่า เพื่อขอปรับราคาค่าโดยสารเพิ่มอีกครั้ง เพื่อหยุงกิจการให้อยู่รอดต่อไป ส่วนการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารเรือคลองแสนแสบ และ เรือด่วนเจ้าพระยานั้น กรมเจ้าท่าขออนุเคราะห์ให้ชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารไปก่อน และยังไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้