ที่แยกวงศ์สว่าง เมื่อวันที่ 27 พ.ค. เวลา 10.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยนายจักกพันธ์ุ ผิวงาม อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่สำรวจแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินของเอกชน เพื่อพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ เขตบางซื่อ

นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม.มีโครงการหาพื้นที่ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพัฒนาเป็นสวนสาธารณะตั้งแต่ปี 62 โดยไม่ต้องลงทุนซื้อที่ดิน ซึ่งพื้นที่ที่มาดูในวันนี้เป็นพื้นที่ของเอกชนที่อยู่กลางเมืองติดรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีวงศ์สว่าง พื้นที่ประมาณ 2 ไร่ มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท และเป็นตัวอย่างที่ดี หากเอกชนที่มีพื้นที่ว่างยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อยากให้ กทม.ใช้เพื่อพัฒนาเป็นสวนสาธารณะก่อน สามารถเสนอได้ที่สำนักงานเขตในพื้นที่ เบื้องต้นเงื่อนไขในการยินยอมให้ กทม.ใช้ กำหนดอย่างน้อย 5 ปี

ทั้งนี้ หากมองในแง่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จ่ายน้อยลงแล้ว การพัฒนาพื้นที่ในลักษณะดังกล่าวเป็นโครงการที่ กทม.ใช้งบไม่เยอะ ไม่ต้องลงทุนซื้อที่ดินเป็น 100 ล้านบาท แต่สามารถพัฒนาเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองได้ ซึ่งเป็นวิธีหนี่งที่ได้ร่วมแบ่งปันพื้นที่ในเมือง ทำให้เมืองเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ เชื่อว่ามีอีกหลายพื้นที่ของเอกชนที่ยังไม่ใช้ประโยชน์ แทนที่จะไปปลูกกล้วย เอามาทำเป็นสวนสาธารณะให้คนใช้อาจจะดีกว่า

นอกจากนี้ นายชัชชาติ ได้แสดงความคิดเห็นกรณีพื้นที่ว่างกลางเมือง นอกจากมีการปลูกกล้วยแล้วมีการนำวัวมาเลี้ยงเพื่อให้เข้าเงื่อนไขเป็นพื้นที่เกษตรเพื่อเสียภาษีน้อยลง ว่าเงื่อนไขการจัดเก็บภาษีพื้นที่เกษตรกรรม กระทรวงการคลังเป็นผู้กำหนด ซึ่ง กทม.มีอำนาจในการประเมินการจัดเก็บภาษีตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ทั้งนี้ หากได้เข้าไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.อย่างเป็นทางการ จะเข้าไปดูรายละเอียดพร้อมกำหนดแนวทางการจัดเก็บภาษีให้เหมาะสม รวมถึงอาจพิจารณาเรื่องโซนสีตามผังเมืองรวมว่าสามารถนำมากำหนดในการประเมินการจัดเก็บภาษีฯพื้นที่การเกษตรได้ด้วยหรือไม่

เมื่อถามว่า วันนี้เดินทางมาพร้อมนายจักกพันธุ์ และนายภิมุข สิมะโรจน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า ถือเป็นการเปิดตัวทีมงานด้วยหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ทั้ง 2 คนจะมาช่วยทำงานอยู่แล้ว ส่วนจะอยู่ในตำแหน่งไหนรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง รวมถึงทีมงานทั้งหมดซึ่งเรามีพร้อมแล้วยืนยันว่า ทุกคนที่มาช่วยงานก่อนหน้านี้ไม่ได้หวังตำแหน่งใดๆ และข้อดีของการลงสมัครในนามอิสระสามารถเลือกคนที่มาทำงานกับเราได้เอง

นอกจากนี้ นายชัชชาติ ได้กล่าวถึงเสียงสะท้อนจากพนักงานฝ่ายรักษาความสะอาด ถึงสวัสดิการและการบรรจุเป็นบุคลากรอย่างไม่เป็นธรรม ว่าหากเข้าไปทำงานจะพิจารณาเพื่อให้เขาเหล่านี้ได้รับสวัสดิการที่เหมาะสมและเป็นธรรม เป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน เพราะบุคลากรดังกล่าวถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เมืองสะอาดและสวยงาม

ทางด้าน นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า มีความพร้อมในการทำงานเพื่อ กทม. ยอมรับว่างานของ กทม.มีหลายเรื่องที่ต้องพัฒนา ส่วนการตัดสินใจมาร่วมงานกับนายชัชชาติ อันดับแรกคือความเป็นอิสระ หากบริหาร กทม.ด้วยความอิสระจะเห็นหลายอย่างพัฒนาขึ้น และมองว่านายชัชชาติเป็นคนเก่ง คนดี มีความรู้ ความสามารถ มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนากรุงเทพฯได้