สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แถลงเมื่อวันศุกร์ ว่า กระทรวงฯ อนุมัติการขายเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนักรุ่น ซีเอช-53เค จำนวน 18 ลำ รวมมูลค่าประมาณ 3,400 ล้านดอลลาร์ ให้กองทัพอิสราเอล โดย 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐคือ ล็อคฮีด มาร์ติน คอร์ป และเจเนอรัล อิเล็กทริค จะเป็นผู้รับเหมาหลัก ในการผลิตตามสัญญา ซึ่งจะรวมถึงเครื่องยนต์ ระบบนำร่อง อาวุธ อุปกรณ์สนับสนุน ชิ้นส่วนอะไหล่และการสนับสนุนทางเทคนิค

แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า “รัฐบาลสหรัฐยึดมั่นในนโยบาย ความมั่นคงของอิสราเอล และถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐ ในการช่วยเหลืออิสราเอลพัฒนาและรักษา ศักยภาพด้านการป้องกันตนเอง ที่แข็งแกร่งและมีความพร้อมตลอดเวลา”

แม้จะมีการอนุมัติจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แต่ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า ได้มีการลงนามในสัญญา หรือการเจรจาได้ข้อสรุปแล้ว

ส่วนรายงานของเว็บไซต์ DefenseNews จากกรุงวอชิงตัน ในวันเดียวกัน ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ อนุมัติการขายอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านรถถัง Javelin FGM-148 จำนวน 300 ชุด รวมมูลค่า 83.5 ล้านดอลลาร์ ให้กองทัพบกไทย โดยอาวุธชุดนี้ผลิตภายใต้โครงการร่วมของ 2 บริษัท เรย์ธีออน/ล็อคฮีด มาร์ติน ที่โรงงานในเมืองออร์ลันโด รัฐฟลอริดา และเมืองทูซอน รัฐแอริโซนา
Javelin FGM-148 missiles

แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ในส่วนของไทย ระบุว่า Javelin FGM-148 ที่จะขายให้กองทัพบกไทย จะถูกนำไปใช้ทดแทนปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังขนาด 106 มม. (ปรส.106 มม.) ที่ “เก่าล้าสมัย” รวมทั้งปรับปรุงสมรรถนะอาวุธเบาต่อต้านรถถัง และยกระดับมาตรฐานการทำงานร่วมกันกับกองทัพสหรัฐ ในระหว่างปฏิบัติการและการฝึกซ้อมทางยุทธวิธี.

เครดิตภาพ – Lockheed Martin / NAVAIR, U.S. Army
เครดิตคลิป – Naval Air Warfare Center Aircraft Division (NAWCAD), US GEGE