เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางหลังจาก ภาครัฐบาลเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ระยะเริ่มต้นหรือ ผู้ป่วยสีเขียว ซึ่งหากมีการดูแลรักษาที่ดีก็จะกลับมาหายเป็นปกติได้ ด้วยการทำ Home isolation หรือ การกักตัวที่บ้าน ซึ่งจะมีแพทย์ที่ดูแลคนไข้ผ่านทางระบบออนไลน์ มาคอยแนะนำและให้คำปรึกษา อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการช่วยแก้ปัญหาคนไข้ป่วยโควิด-19 ล้นรพ. แต่ว่าเรื่องดังกล่าวก็ยังมีปัญหาที่รอการแก้ไขตามมาอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการนำยารักษามาส่งถึงมือผู้ป่วย ซึ่งหากการรักษาด้วยยาล่าช้า ผู้ป่วยก็จะเริ่มมีอาการหนักขึ้นจากสีเขียวเป็นเหลือง เป็นแดง ซึ่งก็ต้องถูกส่งไปรพ.เพื่อช่วยชีวิต

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ในเพจเฟซบุ๊กของ นพ. อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา อายุรแพทย์โรคหัวใจ ผู้ชำนาญการ Sports Cardiology การออกกำลังกายสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ รพ.สมิติเวช ได้โพสต์ข้อความเล่าเรื่องเกี่ยวกับ การเป็นหมออาสา ทำHome isolation ซึ่งพบปัญหาหลายอย่าง โดยระบุว่า จากหมออาสา ทำ Home isolation คนนึง ปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ คนไข้อีกจำนวนมากยังไม่ได้รับยา Home isolation แต่ยาไปไม่ถึงทัน

รัฐใช้การ Home isolation เข้ามาแก้ไข ระบบเตียงที่ไม่พอ แต่เรายังทำได้ไม่ดีพอ ที่จะให้คนไข้ได้รับยาได้ทัน เราเฝ้าติดตามอาการคนไข้ หลายคนดีขึ้น หลายคนหาย แต่มีอีกหลายคน จากสีเขียว เป็นสีเหลือง และเป็นสีแดงและเสียชีวิต ทุกคนอยากได้ยาเร็ว หมอก็อยากให้ยาถึงเร็ว แต่มันไปไม่ถึง เพราะระบบ เพราะกำลังพล เพราะปริมาณคนไข้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เราส่งยาให้ถึงได้ไม่ทัน

เฉพาะพริบตาคลินิค คนไข้เข้าระบบ 2 หมื่นคน หมอประมาณ 1 พันคน ช่วยกัน call แต่ด้วยประมาณคนไข้ กับระบบ ที่ใหม่ ทำให้ปริมาณยาค้างที่ต้องส่งเยอะ จนทำให้ พริบตาคลินิค ต้องลดปริมาณคนไข้เข้าระบบลง แต่เคสผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน แล้วเคสใหม่เหล่านั้นจะไปลงที่ไหน? ทุกอย่างกลายเป็นระบบจิตอาสา แม้แต่ Rider ยังต้องควักเงินออกค่าน้ำมันเอง ไม่มีเงินใด ๆ มาสนับสนุน ผมบอกได้เลยว่า ถ้าปริมาณคนไข้ติดเชื้อใหม่ ยังสูงขนาดนี้ เราไม่มีทางใช้ ระบบ Home isolation กระจายให้ยาได้ทันท่วงทีแน่ คนไข้จะเสียชีวิตอีกเยอะมาก เพราะยาไปช้า

ยาเรามีเยอะมาก แต่ไม่ได้เอาออกมาใช้ เพราะให้ไม่ทัน ระบบการกระจายยาของรัฐทำช้าไป เข้าถึงยาก และมีช่องทางน้อย ทำงานแล้วมันอึดอัด ที่เรายังไปได้ไม่สุด ช่วยคนไข้ได้ไม่มากพอ ที่เราต้องการทางที่จะทำให้ลดการตายได้มากที่สุด ต้องเปิดศูนย์รับยา หลายๆเขต ให้ญาติคนไข้ สามารถรับยาแทนได้ ให้ผู้ป่วยได้รับยาและกินที่บ้าน และจัดระบบคิวการรับดี ๆ ไม่ให้โกลาหล และประชาสัมพันธ์ให้ทราบ

ส่วนเคสที่ ไม่มีญาติ ต้องกักตัว ใช้การ โทร call แบบที่พริบตาคลินิคทำ แล้วจัดระบบ ระดมกำลัง ให้ส่งยาได้ เกินวันละ 1000 เคสให้ได้ ทุกนาที ทุกชม ที่คนไข้ไม่ได้ยา เราจะมีคนเสียชีวิตมากขึ้น อยากให้คิดว่า ทุกนาทีที่เสียไป ที่คนไข้สีเหลืองไม่ได้ยาถึงจุดนึง จะย้อนกลับไม่ได้ เป็นจุดที่น่าเข้าไปสะกัดไม่ให้เคสแดง ล้นรพ. มากที่สุด ถ้าขยับช้า แบบนี้ เราจะมีคนเสียชีวิตสูงขึ้นทุกวัน มีคนเสียชีวิตคาบ้านอีกมากมาย ฝากผู้มีอำนาจในการสั่งการ ต้องขยับอย่างเร็วแล้วครับ.

ภายหลังจากข้อความดังถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีชาวเน็ตเข้ามาโพสต์แสดงความเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ติดเชื้อแล้วทำ Home isolation เพื่อดูแลตัวเอง แต่พอประสา่นหน่วยงานไป กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือ ไม่มีอาหาร ไม่มียา ต้องดูแลกันไปตามยถากรรม ใช้ยารักษาอาการเท่าที่ทำได้ บางรายก็ตัดพ้อว่า ต้องอาศัยโชคช่วยหรือเปล่า โชคดีก็หายเอง โชคร้ายจากสีเขียว ก็กลายเป็นสีเหลือ และ สีแดง จนเสียชีวิตคาบ้านเหมือนที่เป็นข่าวออกสื่อ

นอกจากนี้ก็ยังมีเคสของแพทย์ ที่ดูแลอาการของผู้ป่วยซึ่งกักตัวอยู่ที่บ้าน ต่างโพสต์ข้อความระบุปัญหาเดียวกันว่า คนไข้เสียชีวิตก่อนได้ยานี้เป็นเรื่องจริง โดยปัญหาเริ่มมาตั้งแต่กว่าจะได้อ่าน CXR กว่าจะมาเบิกยาที่ห้องยา เบิกยาออกจากห้องยา แล้วก็ยังไม่มีคนมารับยาไปกระจาย ทำให้ยาที่ใส่ถุงต้องรอนานเป็นวัน ๆ บางทีก็ไปกองรวมกันในหน่วยสักหน่วย เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่เอายาไปส่งบ้าน ทั้งที่ผู้ป่วยควรจะได้รับยาเพื่อช่วยชีวิตได้แล้ว แต่สุดท้ายก็ล่าช้าอีก เมื่อเจ้าหน้าที่หาบ้าน หาตำแหน่งผู้ป่วยไม่พบ คนนำส่งก็น้อย แล้วต้องตรวจสอบให้ได้ด้วยว่าส่งยาไปยังบ้านผู้ป่วยได้ถูกต้อง รวมไปถึง ผู้ป่วยเด็ก ผู้ป่วยสูงวัย ควรมีคนดูแลในการบดยา ผสมยาตามฉลากด้วย

อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องการกระจายยา ในเบื้องต้นได้มีการช่วยเหลือจากทางไรเดอร์อาสา เพื่อจะไปส่งยาที่บ้านพักของผู้ป่วยแล้ว โดย ทาง นพ. อกนิษฐ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งว่า พริบตาคลินิค ต้องการ Rider อาสา เพื่อรองรับ ปริมาณการส่งยาที่เพิ่มขึ้น ท่านใดสนใจ สมัครตาม QR code ได้เลยครับขอบคุณครับ ซึ่งต้อมามีไรเดอร์อาสาเข้าไปสมัครช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ทาง นพ. อกนิษฐ์ จึงได้ได้แจ้งขอปิดชั่วคราวไว้ก่อน เพื่อรอการจัดระบบให้เรียบร้อย.

ขอบคุณข้อความและภาพจาก เฟซบุ๊ก Akanis Srisukwattana(หมอแอร์)