ตามที่ ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กีฬา สภาผู้แทนราษฎร ได้เป็นประธานประชุมคณะ กมธ.พิจารณาวาระเร่งด่วนเรื่องร้องเรียน ทุจริตฉ้อโกงเงินรายได้สลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่ง พล.อ.กะสิณ ทองโกมล นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักคนพิการไทย เป็นผู้ร้องเรียน นายชูเกียรติ สิงห์สูง นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ว่าส่อทุจริตฉ้อโกงเงินรายได้จากโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลของสมาคมกีฬาคนพิการฯ สรุปตั้งแต่ปี 2559-2564 โควตาสลากฯ ในแต่ละงวดที่สำนักงานสลากฯ ให้โควตาต่อสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ งวดละ 12,000 เล่ม หายจากมือของบุคลากรทางกีฬาของผู้พิการที่มียอดรวมเป็นเงินเสียหายไปกว่า 2,100 ล้านบาท และเชื่อว่าตกไปอยู่ในมือนายทุนนั้น

ทางด้าน นายชูเกียรติ สิงห์สูง นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า การจัดสรรสลากฯ จำนวน 12,000 เล่ม ให้กับสมาชิก ดำเนินการตามระเบียบของนายกสมาคมฯ คนเก่า ซึ่งสมาคมฯ ได้รับค่าบริหารจัดการจากสมาชิก จำนวน 1 เปอร์เซ็นต์ (มติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2558 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 สมัยที่ท่านนายกคนก่อนยังดำรงตำแหน่ง) ทั้งนี้ เมื่อตนเข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมฯ ก็ได้ดำเนินการตามมติของนายกสมาคมฯ คนเก่า เพราะถ้าตนเข้ามาเปลี่ยนแปลงขอรับค่าบริหารจัดการเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ ก็จะกระทบสิทธิของผู้ค้าสลากฯเดิม และอาจจะโดนสมาชิกถอดถอนได้ อีกอย่างมติดังกล่าวก็เป็นประโยชน์ต่อสมาชิก เพราะเป็นการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิก รวมทั้งนักกีฬาก็จะได้มีกำลังใจในการพัฒนาศักยภาพในการเล่นกีฬาของตัวเองด้วย

นายชูเกียรติ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า คนที่มาร้องเรียนตนเองอาจเป็นสมาชิกใหม่ ที่ไม่ได้รับการจัดสรรโควตาสลากฯ เพราะมาทีหลัง หลังจากที่ได้มีการจัดสรรโควตาสลากฯกันไปหมดแล้ว คนเหล่านี้จึงอาจจะเกิดความไม่พอใจได้ และอีกอย่างตนเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งปีเศษก็จะเลือกตั้งใหม่ ก็อาจจะมีข่าวทำลายกันเกิดขึ้นได้และพร้อมยืนยันอีกว่าสมาคมฯ ไม่ได้ทำผิดสัญญากับทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ฉะนั้นเราจะทำอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ทำอะไรก็ได้ในทางที่ถูกที่ควร เพราะตนไม่ได้เอาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง ลองคิดดูว่าตนเองเป็นนายกสมาคมฯ มาเกือบ 6 ปี เอาง่ายๆ ตีไปรวม 5 ปีได้รับสลากฯ จำนวน 60 งวด แล้วถามว่าเงินหายไปตั้ง 2 พันล้านบาท ถ้าตนเองเอาไปจริงๆ แล้วกรรมการบริหารสมาคมฯ รวมทั้งสมาชิก จะยอมให้ตนทำเช่นนั้นหรือไม่ ถ้าทำจริงก็ต้องมีการตรวจสอบตั้งแต่สมัยแรกหรือปีแรกแล้ว เพราะมีการแถลงรายรับในงบดุลประจำปีตลอดในเรื่องรายสลากฯและตนคงไม่อยู่มาได้ถึงขนาดนี้แน่

“ผมพัฒนาสมาคมกีฬาคนพิการฯ จนได้รับรางวัลสมาคมกีฬาดีเด่นของ กกท. 4 ปีซ้อน และได้รับรางวัลมาตรฐานทุกตัวชี้วัดจาก กกท. 100 เปอร์เซนต์ 4 ปีซ้อน ขณะที่ นักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ในยุคของผมก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทยและคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ส่วนตัวผมมองว่ามีคนบางคนอยากก้าวขึ้นเป็นนายกสมาคมฯ เพราะผมเหลือวาระทำงานอีก 1 ปีเศษ ผมยังมองอีกว่าคนบางคนอาจจะเรียกรับผลประโยชน์จากสมาคมฯ เป็นจำนวนมาก แต่สมาคมฯ ไม่ยอมจ่าย เรื่องนี้ผมมองว่าน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งกัน ซึ่งผมยืนยันว่าการทำงานที่ผ่านมามีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และผมก็พร้อมให้ตรวจสอบด้วย” นายชูเกียรติ กล่าว

เครดิตภาพจาก : Chukiat Singsung