การลงพื้นที่ ตรวจราชการ จ.สกลนคร ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ถูกฝ่ายความมั่นคงกระหนาบข้าง อารักขา รักษาความปลอดภัยแบบไข่ในหิน
ตั้งด่านปิดทางเข้าออกทุกช่องทาง ติดกล้องวงจรปิด CCTV mobile เพิ่ม 4 ตัว ที่สำคัญ ถึงขนาดสั่งห้าม ข้าราชการ-สื่อมวลชน นำปากกาเข้าใกล้ อ้างเป็นของแหลม หวั่นเกิดอันตรายท่านผู้นำ
บอดี้การ์ดชั้นใน เป็นกำลังทหารจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) ค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี หรือ “ทหารเสือราชินี”
ทั้งหมดทั้งมวล มันสะท้อนให้เห็นภาพ “บิ๊กตู่” เฝ้าระวังตัวทุุกฝีก้าว ไม่เหยียบน้ำทะเล 8 ปีเต็ม นอนบ้านพักในค่ายทหาร ทีมบอดี้การ์ดตามประกบตลอด 24 ชั่วโมง
ป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ!
ตัดภาพมาที่รัฐสภา “ลุงตู่ไข่ในหิน” กำลังถูกท้าทาย พรรคร่วมฝ่ายค้าน เดินเกม ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ทิ้งทวนครั้งสุดภายใต้ยุทธการ “เด็ดหัวสอยนั่งร้าน”
ลาก ท่านผู้นำ พร้อมคณะ รวมทั้งหมด 11 ชีวิต ขึ้นเขียงตามกลไกรัฐธรรมนูญที่ร้ายแรงที่สุด
ตั้งข้อหาฉกรรจ์ยาวเหยียด กล่าวหาท่านผู้นำ บริหารผิดพลาดล้มเหลว ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความรู้ ความสามารถ ขาดภาวะความเป็นผู้นำที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้นำที่พิการทางสมอง ยึดติดแต่อำนาจ ไม่เคารพหลักนิติรัฐนิติธรรม
ไร้คุณธรรมจริยธรรม ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด มีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยให้บุคคลแวดล้อมและพวกพ้องของตน แสวงหาผลประโยชน์บนความทุกข์ยากของประชาชน ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายฯ
หากมองในแง่กลยุทธ์การเมือง การที่ฝ่ายค้านล็อกเป้าอภิปราย 4 วัน ช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ก.ค. ตรงกับวันที่ 18-22 ก.ค. อาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม
เนื่องด้วย เดือน ก.ค. มีวันหยุดยาว 2 ช่วง คือวันที่ 13-17 ก.ค. และวันที่ 28-31 ก.ค. ถ้าฝ่ายค้าน กำหนดวัน ว. เวลา น. เข้าตีช่วงสัปดาห์ที่ 3 ใกล้วันหยุดยาว ฝั่งกองเชียร์-กองแช่ง จากทางบ้าน อาจไม่สนใจ เนื้อหาการอภิปรายเท่าที่ควร
ดังนั้นเวลาปะ-ฉะ-ดะ ที่เหมาะจริง ๆ น่าจะเป็นต้นเดือน ส.ค. และตรงกับช่วงที่ฝ่ายค้าน ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์
หากมองในมุมคณิตศาสตร์การเมือง ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. สภาเหลือ ส.ส. ปฏิบัติหน้าที่ได้ทั้งสิ้น 477 คน ครึ่งหนึ่งคือ 239 คน
ถ้าศึกซักฟอกรอบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คุมเสียงในสภาได้ ไม่ถึง 239 เสียง ทางเลือกของท่านผู้นำ จะถูกบีบให้เหลือ 2 ช่องทาง
(1) ทางแรก ชิงลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางเลือกนายกรัฐมนตรี จากบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88
(2) ทางที่สอง ถูกสภาลงมติไล่ออกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญมาตรา 170 นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่
ยุทธการ “เด็ดหัวสอยนั่งร้าน” จะตีไข่แตกได้หรือไม่ ต้องตามติดชนิดไม่กะพริบตา!.
ขุนไพร พิเคราะห์การเมือง
