จากกรณีวันที่ 21 พ.ค. 66 น.ส.นิด (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ชาว จ.ระยอง ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความเป็นธรรม หลังตั้งครรภ์ร่วม 9 เดือน ไปพบแพทย์โรงพยาบาลอำเภอตามนัดฝากครรภ์ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 66 แพทย์ตรวจพบแม่มีความดันโลหิตสูง ครรภ์เป็นพิษ และอัลตราซาวด์พบเด็กยังไม่กลับหัว ยังหันก้นออกทางปากมดลูก ซึ่งทางโรงพยาบาลอำเภอผ่าคลอดไม่ได้ แต่กลับไม่รีบส่งไปโรงพยาบาลจังหวัด และยังให้ยาเหน็บเร่งคลอด 2 ครั้ง ครั้งแรกตอน 18.00 น. ครั้งที่สอง ตอนเที่ยงคืน พอช่วงตี 2 วันที่ 10 พ.ค. แม่มีอาการน้ำเดินแต่แพทย์ก็ทำคลอดไม่ได้เพราะเด็กหันเท้าออกทางปากมดลูก ทางโรงพยาบาลอำเภอจึงส่งตัวไปผ่าคลอดที่โรงพยาบาลจังหวัดตอนตี 4 ไปถึงโรงพยาบาลจังหวัดเกือบตี 5 ซึ่งพบว่าทารกในครรภ์เสียชีวิตแล้ว รวมเวลาที่ตรวจพบปัญหาแต่โรงพยาบาลอำเภอกลับไม่รีบส่งไปผ่าคลอดที่โรงพยาบาลจังหวัด ใช้เวลาถึง 13 ชั่วโมง จึงส่งตัวไปทำให้เด็กในครรภ์เสียชีวิต ขณะที่แม่เองก็อาการแย่แทบช็อกยังดีที่แพทย์โรงพยาบาลจังหวัดช่วยชีวิตไว้ได้ทัน โดยแม่จะยังไม่เผาศพลูกจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม

หลังรับเรื่องวันที่ 21 พ.ค. 66 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิ ระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ซึ่ง นพ.รุ่งเรือง รับปากจะเร่งดำเนินการตรวจสอบ เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรมทันที โดยได้ประสานสาธารณสุข จ.ระยอง เร่งให้การช่วยเหลือ

ล่าสุด นพ.สุนทร เหรียญภูมิการกิจ สาธารณสุขจังหวัดระยอง มอบหมายให้ผู้บริหารโรงพยาบาลอำเภอ, นายธนพลวรรธน์ พิบูลวุฒิกุล ปลัดศูนย์ดำรงธรรมอำเภอปลวกแดง, นายสิทธิพร ยุทธการ แพทย์ประจำตำบลตาสิทธิ์, นายสำรวย นิสัยกล้า สารวัตรกำนัน ตำบลตาสิทธิ์ ลงพื้นที่เยี่ยม น.ส.นิด ที่บ้านพัก โดยนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้มอบหมายผู้บริหารมูลนิธิปวีณาฯ เดินทางไปร่วมรับฟังการประชุมหาแนวทางช่วยเหลือ น.ส.นิด

โดยสรุปเบื้องต้น 1.ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอ ได้รับเรื่องขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหายตามมาตรา 41 แห่ง พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 จาก น.ส.นิด เพื่อส่งต่อให้สาธารณสุขจังหวัดระยอง และรับปากจะเร่งนำเรื่องเข้าที่ประชุมในวันที่ 31 พ.ค.นี้ 2.โรงพยาบาลอำเภอ และสาธารณสุขจังหวัดระยอง จะร่วมกันเป็นเจ้าภาพในการจัดงานฌาปนกิจศพ 3.โรงพยาบาลอำเภอ จะประชุมกับบุคลากร แพทย์ที่วินิจฉัยโรคเพื่อร่วมกันช่วยเหลือเยียวยาในความเสียหายที่เกิดขึ้นซึ่งจะเร่งให้คำตอบโดยเร็ว ทั้งนี้ มูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามการช่วยเหลือให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรมต่อไป.