เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. …. ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ ที่มี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ส.ว. ในฐานะรองประธาน กมธ. ทำหน้าที่ประธาน กมธ.พิจารณาแล้วเสร็จในวาระสอง ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 โดยที่ประชุมได้เริ่มต้นพิจารณา มาตรา 68 จากทั้งหมด 172 มาตรา ทั้งนี้ในมาตราดังกล่าวสามารถผ่านการพิจารณาได้รวดเร็ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อการประชุมเข้าสู่การพิจารณา มาตรา 69 ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง พบว่ามี
การอภิปรายไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาที่ กมธ.เสียงข้างมากแก้ไข เนื่องจากได้ตัดประเด็นเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาดำรงตำแหน่งเดิมก่อนที่จะได้พิจารณาเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น เช่น รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ ต้องแต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศ พล.ต.ท. หรือ พล.ต.อ. และเคยดำรงตำแหน่ง ผช.ผบ.ตร. หรือรองจเรตำรวจแห่งชาติ มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี เป็นต้น

ทั้งนี้ กมธ.เสียงข้างน้อยและสมาชิกที่สงวนคำแปรญัตติ เห็นแย้งว่า การตัดเนื้อหาดังกล่าวคือการตรากฎหมายที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดให้มีเงื่อนไขที่ชัดเจนต่อการเลื่อนตำแหน่ง แต่แม้เงื่อนไขดังกล่าวจะถูกย้ายไปไว้ใจบทเฉพาะกาล แต่กำหนดให้ใช้บังคับเพียง 5 ปี จึงไม่มีหลักประกันที่รับรองการปฏิรูปตำรวจ และตัดช่องการซื้อขายตำแหน่งในราชการตำรวจและการโยกย้ายที่ไม่คำนึงถึงประสบการณ์ความรู้ ความสามารถ

ขณะที่ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ ชี้แจงว่า เหตุผลที่ตัดเรื่องเงื่อนไขด้านเวลาดำรงตำแหน่งนั้น เนื่องจากมาตราดังกล่าวมีผู้เสนอให้ตัดวรรคสาม ว่าด้วยเหตุลดระยะเวลาดำรงตำแหน่งในการแต่งตั้งออก ดังนั้นในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องจึงไม่จำเป็นต้องระบุเงื่อนไขด้านเวลาไว้

อย่างไรก็ดีที่ประชุมได้ถกเถียงในประเด็นดังกล่าวเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง และไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติในความเห็นต่างผ่านการลงมติได้ จึงมีผู้เสนอให้พักการประชุม ซึ่ง นายพรเพชร เห็นด้วย พร้อมกล่าวว่า ขอให้พักการประชุมไป เพื่อให้ กมธ.เสียงข้างน้อยที่สงวนความเห็นและสมาชิกรัฐสภา ที่เสนอคำแปรญัตติ หารือกับ กมธ.เสียงข้างมาก เพื่อแก้ไขเนื้อหาและยกร่างมาตราดังกล่าวขึ้นใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากการพักการประชุมนาน 30 นาที ก่อนจะกลับมาประชุม โดยนางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ ส.ว.ฐานะกมธ. ได้ชี้แจงเนื้อหาที่ปรับแก้ไขว่าผลการหารือ จะคืนเนื้อหาว่าด้วยเกณฑ์ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง ซึ่งเดิม กมธ.เสียงข้างมากนำไปบัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาล กลับมาบัญญัติไว้ในบทหลักตามเนื้อหาที่รัฐสภารับหลักการแต่คงการแก้ไขในรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งสารวัตรใหญ่และรองจเรตำรวจ ทั้งนี้จะคงการตัดวรรคสามว่าด้วยเหตุจำเป็นต่อการลดระยะเวลาดำรงตำแหน่งในการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับผู้บังคับบัญชาขึ้นไปเฉพาะบุคคลเป็นกรณีอย่างไรก็ดีในการคืนเนื้อหาดังกล่าวจะมีผลกระทบในมาตราถัดไป ได้แก่ มาตรา 74 มาตรา 75 มาตรา 76 และ มาตรา 80

จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติ ผลปรากฏว่าเสียงข้างมาก เห็นด้วยกับการแก้ไขของ กมธ. ดังกล่าว จากนั้นได้เข้าสู่การพิจารณาในมาตรา 70 ว่าด้วยหลักเกณฑ์คัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ซึ่งเป็นมาตราเกี่ยวเนื่องกับมาตรา 69

ต่อมาเวลา 16.20 น. ที่ประชุมได้พิจารณา ถึงมาตรา 77 โดยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาลได้ลุกขึ้นหารือ ขอให้ประธานพิจารณาปิดการประชุม เนื่องจากมี ส.ส.หลายท่านต้องรีบเดินทางกลับไปลงพื้นที่ ทำให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ขอเลื่อนการประชุมไปครั้งถัดไปในวันที่ 24 มิ.ย. เวลา 09.00 น. และสั่งปิดการประชุมทันที.