ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช เขตประเวศ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. เวลา 13.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ติดตามโครงการบริหารจัดการมูลฝอยชุมชน เพื่อผลิตพลังงาน ขนาดไม่น้อยกว่า 800 ตัน/วัน พร้อมติดตามการปรับปรุงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยภายในโรงงาน และตรวจสอบปัญหากลิ่นที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยโดยรอบและชุมชนใกล้เคียง

โดยมีนายจักกพันธุ์ ผิวงาม นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. นายธนวัฒน์ เชิดชูกิจกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตประเวศ นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัด กทม. นายวิรัตน์ มนัสสนิทวงศ์ ผอ.สำนักสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักงานเขตประเวศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้ข้อมูล

สืบเนื่องจาก กทม. ได้ลงนามสัญญาจ้างให้บริษัทลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการมูลฝอยชุมชนด้วยเทคโนโลยีเชิงกล-ชีวภาพ (MBT) ขนาด 800 ตัน/วัน ในพื้นที่ 20 ไร่ ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.60 เป็นระยะเวลา 20 ปี โดยได้ดำเนินการก่อสร้าง พร้อมติดตั้งเครื่องจักร และเริ่มเดินระบบกำจัดเมื่อวันที่ 2 มี.ค.63 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 2 ปี 3 เดือน บริหารจัดการโดย บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที (วิสาหกิจ กทม.) เพื่อเป็นโครงการต้นแบบและนำร่องการบริหารจัดการมูลฝอยชุมชนแบบบูรณาการ ด้วยเทคโนโลยีเชิงกล-ชีวภาพ (MBT) ลดพื้นที่ฝังกลบ และจะเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดมูลฝอยชุมชน เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยมีผลพลอยได้คือขยะเชื้อเพลิง และขยะรีไซเคิล โดยจะเหลือกากของเสียที่ต้องนำไปกำจัดน้อยที่สุด กระบวนการกำจัดมูลฝอยชุมชนด้วยเทคโนโลยี MBT จะนำขยะชุมชน 800 ตัน/วัน เข้าสู่กระบวนการคัดแยกเบื้องต้น กระบวนการเตรียมหมักและบีบอัด กระบวนการผลิตก๊าซ กระบวนการผลิตไฟฟ้า สำหรับพื้นที่ภายในโรงงานกำจัดมูลฝอยชุมชนเพื่อผลิตพลังงาน ขนาด 800 ตัน ประกอบด้วย 1.อาคารรับขยะ 2.อาคารคัดแยกเบื้องต้น 3.ระบบบำบัดกลิ่น 4.ถังเตรียมหมัก 5.เครื่องบีบอัด 6.อาคารระบบบำบัดน้ำเสีย 7.ระบบผลิตก๊าช 8.ระบบปรับสภาพก๊าช 9.พื้นที่ถังเก็บก๊าซ 10.อาคารระบบผลิตไฟฟ้า 11.อาคารสำนักงาน และ 12.อาคารชั่งน้ำหนัก

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้พบปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับการขนถ่ายมูลฝอยชุมชน บ่อรับขยะองค์ประกอบมูลฝอยชุมชน การจัดการขยะเชื้อเพลิง ทำให้ต้องปรับปรุงเครื่องจักรและอาคาร เพื่อลดกลิ่นที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงและบริเวณโดยรอบโรงงาน นอกจากนี้ ได้รับเรื่องร้องเรียนผลกระทบจากกลิ่นขยะเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 สมาชิกชุมชนหมู่บ้านอิมพีเรียลพาร์ค ได้มาเยี่ยมชมโรงงานและเสนอข้อเรียกร้องในการแก้ปัญหา โดยมีการกำหนดแผน และมาตรการจัดการ ดังนี้ ตรวจสอบหาแหล่งที่มาของกลิ่น กำหนดแผนงานและมาตรการเข้มข้น ตั้งทีมประสานงานร่วมกับตัวแทนหมู่บ้านฯ แผนงานระยะสั้น 30 วัน ได้แก่ 1.ติดตั้งระบบสเปรย์ดับกลิ่นอัตโนมัติบริเวณอาคารรับขยะ

2.ติดตั้งผนังและประตูบริเวณอาคารรับขยะให้เป็นระบบปิด 3.ติดตั้งระบบสเปรย์ดับกลิ่นอัตโนมัติบริเวณอาคารเก็บขยะเชื้อเพลิง 4.ติดตั้งผนังและประตู อาคารเก็บขยะเชื้อเพลิง ให้เป็นระบบปิด 5.ดำเนินการจัดการขยะและกากตะกอน โดยไม่ให้มีการตกค้าง แล้วเสร็จ 100 % แผนงานระยะยาว120-180 วัน ได้แก่ 1.ปรับปรุงอาคารรับขยะและอาคารเก็บขยะเชื้อเพลิงเพิ่มเติม 2.ปรับปรุงระบบบำบัดกลิ่นภายในอาคาร แล้วเสร็จ 70% พร้อมทั้งการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของกรมควบคุมมลพิษ ระบบบำบัดกลิ่น โดยปรับปรุงระบบบำบัดกลิ่นเรียบร้อยแล้ว คงเหลือการทดสอบประสิทธิภาพ จะแล้วเสร็จปลายเดือน ก.ค.65

ส่วนระบบการจัดการได้ปรับปรุงอาคาร ผนังและประตูปิดคลุมให้มิดชิดเรียบร้อยแล้ว และเพิ่มเจ้าหน้าที่ควบคุมการเปิดปิดประตูทุกจุดที่มีการเคลื่อนย้าย ระบบลำรางระบายน้ำ ปัจจุบันได้ทำความสะอาดรางระบายน้ำ พร้อมทำแผนและมาตรการตรวจสอบให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด ด้านระบบบำบัดน้ำเสีย ปัจจุบันได้ทำแผนการตรวจสอบระบบบำบัดน้ำเสีย การปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกอบกิจการโรงงาน ส่วนการดำเนินงานปรับปรุงโครงการ ได้ปรับปรุงอาคารรับขยะให้เป็นอาคารปิดมิดชิด แล้วเสร็จ 100% ปรับปรุงระบบบำบัดกลิ่น ยังคงเหลือทดสอบประสิทธิภาพระบบ แล้วเสร็จ 70% ปรับปรุงอาคารเก็บเชื้อเพลิงให้เป็นอาคารปิดมิดชิด แล้วเสร็จ 100%

“ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ เราต้องมาคุยกันอีกที เจ้าหน้าที่ทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ เป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมในวันนี้เวลากระชั้นชิด ต้องกลับไปดูรายละเอียดเชิงลึกในการแก้ไขปัญหา แล้วจะกลับมาใหม่ เรื่องนี้จะหลอกกันไม่ได้ เพราะกลิ่นที่ออกมาทุกคนรับรู้เหมือนกันหมด ซึ่งหลายหน่วยงานได้มาช่วยกันตรวจสอบหาแนวทางในการแก้ไขและข้อเสนอแนะต่างๆ ประเด็นสำคัญคือต้องแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ลดปัญหากลิ่นที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ” นายชัชชาติ กล่าว