เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 และ พ.ต.อ.วรชาติ แสนคำ รอง ผบก.สส.ภ.1 ในข้อหา “ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานรู้หรืออาจรู้ความลับในราชการกระทำโดยประการใดๆ อันมิชอบหน้าที่ให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับ” จากคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ตามมาตรา 164 และ 157

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า วันนี้มาแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.วสันต์ และ พ.ต.อ.วรชาติ จากการนำภาพศพของแตงโมมาเทียบเคียงกับใบพัดเรือ ส่งต่อไปให้ยังนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า โดยตนมองว่าเป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องในคดีการนำหลักฐานในคดีออกไปให้คนนอกดู จึงถือว่าเป็นความผิด ตามมาตรา 164 และ 157 ซึ่งเป็นคนละกรณีกับเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ในเรื่องของการสร้างหลักฐานเท็จและกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางคดีอาญา

นายอัจฉริยะ กล่าวยืนยันว่า ไม่เคยพูดว่ามีคลิปที่บันทึกเหตุการณ์ตอนกรีดขาแตงโม แต่เป็นคลิปเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงที่มาของบาดแผลว่าไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ซึ่งตนอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรืออัยการ เข้ามาช่วยตรวจสอบตัวเรือเพื่อหาร่องรอยเลือดตามจุดที่ปรากฏในหลักฐานของตน เพื่อให้คลายข้อสงสัยเกี่ยวกับหลักฐานที่ตนมีอยู่ ซึ่งส่วนตัวไม่เข้าใจว่าเหตุใดหน่วยงานต่างๆ จึงไม่กล้าที่จะตรวจสอบเรือ ตามที่ตนร้องขอ ซึ่งหากมีการยอมตรวจเรือลำดังกล่าว ตนจะพาชี้จุดที่ปรากฏรอยเลือดอยู่ในหลักฐานของตน เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นเลือดของบุคคลใด หากมีการตรวจพบก็จะสามารถยืนยันในหลักฐานของตนได้ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม หรืออัยการ ก็สามารถนำหลักฐานของตนเข้าไปประกอบคดีและฟ้องในข้อหาฆาตกรรมได้ อย่างไรก็ตาม หลักฐานอื่นนั้น ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะผู้ที่ให้หลักฐานมาจะไม่ปลอดภัย และธุรกิจได้รับความเสียหาย

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่ตนถูกแจ้งความดำเนินคดีนั้น มีการเร่งรัดให้ตนไปพบพนักงานสอบสวน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคำสั่งของใคร ตนก็จะไปรับทราบข้อกล่าวหาก่อน เพราะเชื่อว่าไม่มีความผิด ขณะนี้โดนแจ้งความทั้งหมด 6 คดีแจ้งความโดยตำรวจ 4 คดี แจ้งความโดยนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา 2 คดี ซึ่งจะฟ้องตนกี่ร้อยคดีก็ได้ตนพร้อมสู้ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นคล้ายกับเรื่องของตนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่ตนต้องไปต่อสู้โดยการนั่งอยู่กลางถนน เพราะไม่รู้ข้อกฎหมาย แต่ตอนนี้ตนมีทั้งทีมงานและมีประสบการณ์แล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ ตนจะไปแจ้งความเอาผิดกับนายเดชาที่ สภ.เมืองพระประแดง ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องของรายการโหนกระแสเมื่อวาน (23 มิ.ย.) อย่างน้อยทำให้คนบนเรือเกิดการระแวงกันว่าใครนำหลักฐานมาให้ตน และทำให้เห็นว่ามีบางคนร้อนรน แต่นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือ โรเบิร์ต กลับไม่ติดต่อมา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก และตนก็อยากดีเบทกับนายไพบูลย์ อยู่แล้ว ส่วนนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ตนไม่คิดว่าจะมาที่รายการ แต่เมื่อมาถึงแล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเข้ามาแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่ถือว่านายษิทรา แทรกแซงการทำงาน โดยหลังเกิดประเด็นขึ้นเมื่อวาน ตนก็ได้ปรับความเข้าใจกับ นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม แล้วเมื่อเช้านี้ ส่วนนายษิทรานั้น หากอยากช่วยตนจริง ก็พร้อมให้ไปด้วยกันทุกครั้ง

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ขณะที่ในส่วนของนางภนิดา ที่มีการจะถอนฟ้องของตนเอง ขณะนี้ทราบว่า ยังไม่มีการถอนฟ้องแต่อย่างใด และไม่อยากให้ถอนฟ้อง เพราะหากมีการถอนฟ้องทุกสิ่งที่ตนทำมาจะหายไป และนางภนิดาจะไม่สามารถฟ้องในข้อหาเดิมซ้ำได้เพราะจะถือเป็นการฟ้องซ้ำ ซึ่งในส่วนของคดีที่ตนมีการฟ้องตรงไปจะมีการไต่สวนในวันที่ 20 ก.ค.นี้

“ส่วนเรื่องที่นางภนิดา จะเป็นแม่ของแตงโมจริงหรือไม่นั้น อยากให้นำภาพขณะตั้งท้องมา รวมถึงหากตรวจดีเอ็นเอทุกอย่างก็จะสิ้นข้อสงสัย สำหรับนายวรินทร วัตรสังข์ หรือแอนนา ที่ออกมากล่าวยืนยันนั้น ไปทำคดีหวยให้จบก่อนดีกว่า” นายอัจฉริยะ กล่าว