ปัจจุบันนักธุรกิจแทบทุกรูปแบบต้องอาศัยช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างหารายได้ให้เพิ่มมากขึ้น หรือช่วยขยายกิจการให้เติบโตขึ้นด้วยออนไลน์ แต่จะทำความรู้จักแค่ Social media ไม่ได้ นักธุรกิจทั้งหลายหากคิดจะพึ่งออนไลน์ ต้องรู้จักกับ SEO ด้วย หากใครไม่เคยผ่านหูเลยกับคำว่า SEO ต้องแวะทางนี้แบบด่วนๆ เพราะทางบทความจะนำความรู้เกี่ยวกับ SEO มาฝากกัน ดังนี้

SEO คืออะไร?

คำถามแรกสำหรับคนไม่คุ้นเคย คงอยากรู้ว่า SEO คืออะไร โดย SEO ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization เป็นการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการแสดงผลบน Google ผ่านการ Search ซึ่งต้องอาศัยเทคนิคต่างๆ ตามหลักการของ SEO เพื่อให้สัมฤทธิผล

เครื่องมือสำคัญของการทำ SEO ก็คือ Keyword หลักการในการทำ SEO เบื้องต้น ต้องคาดเดาก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจมักจะ Search คำว่าอะไรบน Google เพื่อค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในเว็บไซต์ต่างๆ คำนั้นมักจะถูกกำหนดให้เป็น Keyword ของหน้าเว็บไซต์นั้นๆ และผู้ทำ SEO มักจะหยิบ Keyword ไปปรับใช้เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย Search คำนั้นบน Google และเจอเว็บไซต์ของเราในที่สุด

การทำ SEO ที่นิยมรูปแบบหนึ่งก็คือการทำบทความ SEO ที่มีการเขียนบทความเกี่ยวกับ Keyword นั้นๆ และมีการวาง Keyword ในตำแหน่งต่างๆ บนบทความตามหลักการ ที่จะทำให้ SEO เกิดประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังอาจต้องปรับแต่งเว็บไซต์ส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม ตามหลักการที่ควรจะเป็น จุดประสงค์หลักคือให้ Google รู้จักเว็บไซต์และเข้าใจว่าเว็บไซต์มีความเกี่ยวข้องกับอะไร หรือเกี่ยวกับ Keyword ไหนมากที่สุด

SEO เป็นการตลาดออนไลน์แบบไหน?

SEO ในแง่ของการตลาด จะเป็นการตลาดแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นการตลาดบนเว็บไซต์ อาศัยพฤติกรรมการค้นหาบน Google ของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เข้าถึงเว็บไซต์ของธุรกิจ การทำ SEO จะไม่ต้องเสียค่าโฆษณา เป็นการประชาสัมพันธ์หรือ PR ธุรกิจได้โดยมีเว็บไซต์เป็นช่องทางหลัก ซึ่งต้องอาศัยการ Search ให้เจอ จึงจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้

การนำหน้าเว็บไซต์ไปโพสต์หรือแชร์บน Social Media รวมถึงช่องทางอื่นๆ เพื่อให้เกิดการเข้าถึง ไม่ถือเป็นการทำ SEO หรือแม้แต่การใช้ Banner เป็นตัวเชื่อมต่อเว็บไซต์เพื่อให้เกิดการเข้าถึง ก็ไม่ถือเป็นการทำ SEO เช่นกัน “ต้องเข้าถึงด้วยการ Search เท่านั้น”

SEO ใช้เงินไหม?

การทำ SEO ในความจริงแล้วไม่ต้องใช้เงิน เพราะไม่ต้องยิงแอด ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาอะไร เพียงแต่ต้องทำให้กลุ่มเป้าหมาย Search มาเจอเว็บไซต์ให้ได้ด้วยวิธี Organic (นอกจากนี้ยังมีการทำให้ Search มาเจอเว็บไซต์แบบไม่ Organic ด้วย ซึ่งจะไม่ใช่ SEO โดยจะกล่าวในหัวข้อถัดไป) ทำให้วิธีนี้ไม่ต้องใช้เงินในการทำโฆษณา

แต่บางครั้งสำหรับบางธุรกิจอาจต้องอาศัยเงินลงทุนในด้านการจ้างคนเขียนบทความ SEO เพราะตัวเจ้าของธุรกิจเองไม่มีความสามารถในการเขียน หรืออาจไม่ต้องการเสียเวลาในส่วนนี้ หรือแม้แต่ไม่มีทักษะด้านการเขียนบทความ SEO ก็ทำให้ต้องจ้างคนทำให้ ตรงนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของการจ้างคนเข้ามาทำงานให้ แต่ในส่วนของการใช้เครื่องมือ SEO นั้น จะไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

ความน่าสนใจของ SEO

ความน่าสนใจหลักๆ ของการทำ SEO ก็คือไม่เสียเงิน ไม่ต้องไปเสียค่าพื้นที่โฆษณา เพียงแต่ต้องเรียกคนเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ให้ได้ จากการ Search ด้วยคำค้นที่เกี่ยวข้อง และถ้าหากเว็บไซต์ติดอับดับ Google แล้ว ก็จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องเสียค่ายิงแอดโฆษณาเลย

SEO แตกต่างกับ SEM ยังไง?

เมื่อสักครู่จะเห็นว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับการทำให้ Search มาเจอเว็บไซต์แบบไม่ Organic ซึ่งจะเกี่ยวข้องในหัวข้อนี้ ที่จะมากล่าวถึงความแตกต่างระหว่าง SEO และ SEM เมื่อการทำ SEO คือการทำให้ Search มาเจอเว็บไซต์แบบ Organic ส่วน SEM ก็คือการทำให้ Search มาเจอเว็บไซต์แบบไม่ Organic นั่นเอง

ในการทำ SEM จะต้อง “เสียเงิน” ถือเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง 2 อย่างนี้ SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing เป็นทำการตลาดออนไลน์ด้วยเครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ต การทำ SEM เพื่อให้ติดอันดับบน Google ธุรกิจจะต้องจ่ายเงินให้ Google สำหรับ Keyword ที่ต้องการ เมื่อจ่ายเงินสำหรับ Keyword นั้นแล้ว และกลุ่มเป้าหมายค้นหาคำนั้น เว็บไซต์ก็จะขึ้นเป็นอันดับแรกๆ ของ Google โดยมีคำว่า Ads หรือโฆษณา นำหน้าลิงค์เว็บไซต์นั้น

การทำ SEM ไม่ต้องพยายามใส่ Keyword ตามหลักการของ SEO เพียงแค่จ่ายเงินสำหรับ Keyword ที่ต้องการ ก็จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้อย่างง่ายดาย

SEO ดีจริงหรือ?

เมื่อพูดว่าการทำ SEO ไม่ต้องใช้เงิน ย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่การทำ SEO ก็มีข้อเสียเปรียบอยู่เหมือนกัน เพราะการทำ SEO ให้ติดอันดับต้องอาศัยหลักการ และความรู้เฉพาะทาง ผู้ทำ SEO อาจต้องอาศัยเทคนิคหลายอย่าง และผลลัพธ์ที่ SEO จะติดอันดับอย่างต่ำๆ ก็อยู่ที่ 6 เดือนขึ้นไป หากต้องการขายสินค้าในทันที ย่อมไม่เหมาะ แต่หากเป็นการทำ SEO ควบคู่ไปกับการตลาดรูปแบบอื่นๆ ถือว่าเหมาะสมมาก เป็นการให้ SEO เป็นตัวช่วย ทั้งยังเป็นการตลาดที่เห็นผลระยะยาว

หากเว็บไซต์ติดอันดับ Google ไปแล้ว ก็ช่วยเพิ่มการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมายให้สูงขึ้นได้ในอนาคต แม้ในช่วงเวลาที่ต้องปิดแอดโฆษณาทุกอย่างหรือทุกช่องทาง เช่น ในยามวิกฤติที่บริษัทต้องการ Save งบ หากปิดแอดหมดแล้ว แต่เว็บไซต์ติดอันดับ Google ก็ยังทำให้ได้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาแบบฟรีๆ ได้อยู่

นี่เป็นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำ SEO เพื่อประโยชน์ในการทำธุรกิจ ช่วยสร้างหารายได้ให้เพิ่มมากขึ้น หรือช่วยขยายกิจการให้เติบโตขึ้นด้วยออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่น่าสนใจ และทุกธุรกิจควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม หากการทำ SEO มีประสิทธิภาพมากพอ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืน บนต้นทุนที่ไม่จำเป็นต้องสูงนัก