สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามให้กฎหมายปฏิรูปอาวุธปืนฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยกฎหมายดังกล่าวถือเป็นการยกระดับการควบคุมอาวุธปืนในประเทศขึ้นสู่ระดับเข้มงวดที่สุด “เท่าที่จะเป็นไปได้” นับตั้งแต่สภาคองเกรสบัญญัติกฎหมายห้ามพลเรือนใช้อาวุธจู่โจม เมื่อปี 2537 แม้กฎหมายดังกล่าวหมดอายุในอีก 10 ปีต่อมาก็ตาม


สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายปืนฉบับใหม่ รวมถึงการเพิ่มความเข้มงวด ในการตรวจสอบประวัติย้อนหลังของผู้ซื้อปืน ที่มีอายุระหว่าง 18-21 ปี การมอบความสนับสนุนด้านงบประมาณจากส่วนกลาง ให้แต่ละรัฐบัญญัติกฎหมาย อนุญาตให้เจ้าหน้าที่สามารถยึดและตัดสิทธิการครอบครองอาวุธปืน จากบุคคลซึ่งศาลวิจิฉัยว่า อันตรายเกินกว่าที่จะครอบครองอาวุธปืน เนื่องจากเป็นภัยคุกคามทั้งต่อตนเองและบุคคลรอบข้าง ตลอดจนการอาจนำงบประมาณส่วนนี้ไปสนับสนุนโครงการอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การฟื้นฟูสุขภาพจิต และการบำบัดยาเสพติด


อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้ยังคงไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การรื้อฟื้นข้อบังคับ ห้ามพลเรือนครอบครองอาวุธปืนจู่โจม ซึ่งเป็นอาวุธที่คนร้ายมักใช้ก่อเหตุกราดยิงตามสถานที่หลายแห่งของสหรัฐในระยะหลัง และการยกระดับตรวจสอบประวัติย้อนหลัง ของผู้ซื้อาอาวุธปืนทุกประเภทและทุกช่วงวัย


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารของสหรัฐในเรื่องนี้ เกิดขึ้นหลังฝ่ายตุลาการสูงสุด คือศาลฎีกา มีมติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าการพกพาอาวุธปืนในสถานที่สาธารณะ “เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน” ของชาวอเมริกัน โดยคำวินิจฉัยดังกล่าวมีผลต่อคำฟ้องร้องเมื่อปี 2551 เกี่ยวกับกฎหมายปืนของรัฐนิวยอร์ก ฉบับปี 2456 ซึ่งระบุว่า ประชาชนต้อง “แสดงหลักฐาน” ว่ามี “เหตุผลอันสมควร” ที่จะพกพาอาวุธปืนนอกเคหสถาน “เพื่อป้องกันตนเอง” ซึ่งศาลสูงสุดของสหรัฐมองว่า “ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”.

เครดิตภาพ : REUTERS