จากกรณี นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อายุ 62 ปี อดีตตำรวจสันติบาล พร้อมพวกและทนายความเดินทางเข้าพบตำรวจทองหล่อ เพื่อมอบตัวสู้คดี “อุ้มรีดเรียกค่าไถ่ชาวไต้หวัน” ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 3 ส.ค. พ.ต.ท.ศุภชัย หาญคำหล้า รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ทองหล่อ ได้สอบปากคำ นายสันธนะ พร้อมพวกรวม 5 คน นานกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนจะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้หลักทรัพย์รวม 3 แสนบาท 

ภายหลัง นายสันธนะ เปิดเผยว่า ตนขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ โดยใช้เงิน 1 แสนบาทประกันตัวออกมา ส่วนลูกน้องใช้เงินประกันตัวคนละ 5 หมื่นบาท ยอมรับว่าน้อยใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะขณะที่ตนป่วยติดเชื้อโควิด-19 และหมอให้กักตัวจนถึงวันที่ 6 ส.ค.นี้ คดีนี้เกิดขึ้นมา 4 เดือนแล้ว ตั้งแต่เดือน มี.ค. ควรรอให้ตนหายดีก่อนถึงจะมาพบพนักงานสอบสวนได้ แต่กลับถูกตำรวจ สน.ทองหล่อ ออกหมายจับ 7 หมาย คือ ตนเองและผู้ติดตาม ซึ่งได้มามอบตัวแล้ว 5 คน ส่วนอีก 2 คน ติดโควิด 1 คน และอยู่ในช่วงกักตัวอีก 1 คน โดยจะมามอบตัวในภายหลัง

นายสันธนะ เผยอีกว่า คาดว่าเรื่องนี้ตนถูกกลั่นแกล้ง เพราะชาวต่างชาติที่ตนบอกมาเสมอว่ารู้จักกัน และถูกจับกุมตัวโดยตำรวจกองปราบปราม เมื่อวันที่ 15 พ.ค. จนนับถึง วันที่ 6 ส.ค.นี้ จะครบกำหนดฝากขังผัดสุดท้าย รวมระยะเวลา 84 วัน และในวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือถึง ผกก.สน.ทองหล่อ ว่าแพทย์ได้ให้ตนกักตัวดูอาการ และทำหนังสือชี้แจงพนักงานสอบสวนแล้ว แต่ในทางคดีไม่สามารถรอผลได้ และต้องการดำเนินคดีตน เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ตำรวจจึงนำสำนวนไปขอหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้


ทั้งนี้ ทั้ง 7 คน ถูกตั้งข้อหา “ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ซ่องโจร, ข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการ ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ ร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยอ้างอำนาจ อั้งยี่ หรือ ซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพและร่างกาย”