เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ มอบหมายและสั่งการให้ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รับมือวิกฤติความมั่นคงทางพลังงานและอาหารว่า เป็นอีกครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ โยนเผือกร้อนงานใหญ่ให้กับทหารที่ตนเองเชื่อมั่นเข้ามาทำหน้าที่แก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น แต่เป็นการวางงานให้แบบผิดฝาผิดตัวอีกครั้ง เพราะความเป็นจริงการบริหารราชการแผ่นดินนั้น มีกระทรวงและรัฐมนตรีที่ผู้รับผิดชอบงานแต่ละด้านโดยตรงอยู่แล้ว มีกรม กองงาน ที่ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการต่างๆ ไม่จำเป็นต้องตั้งเลขาฯ สมช.ขึ้นมาซ้ำซ้อน เพราะจะทำให้เกิดการผลักภาระงานและโยนความรับผิดชอบกันไปกันมา

เหมือนที่เคยเกิดขึ้นสมัยตั้งเลขาฯ สมช. มาเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) สุดท้ายการแก้ไขปัญหาก็ล่าช้าและสร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งหมดจึงเป็นบทพิสูจน์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความสามารถในการวางคนให้ตรงกับงาน ทั้งที่มีอำนาจมากล้นมาตลอด 8 ปี เป็นทั้งนายกฯ เป็นหัวหน้าทีมเศษฐกิจ เป็นประธาน ศบค. เป็นทุกอย่างแล้ว แต่ไม่สามารถนำพาประเทศชาติออกจากวิกฤติได้เลย ปัญหาต่างๆ ที่คลี่คลายลงล้วนแล้วเกิดจากสถานการณ์ที่คลี่คลายลงด้วยตัวเองทั้งสิ้น

น.ส.อรุณี กล่าวอีกว่า วิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 62 สืบเนื่องต่อมาจากการรัฐประหารในปี 57 เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ฐานะหัวหน้ารัฐประหารเข้ามาบริหารประเทศเศรษฐกิจไทยตกต่ำลงเรื่อยๆ จนเมื่อมาเจอกับการระบาดโควิด-19 ยิ่งฉุดให้เศรษฐกิจทรุดหนักลงไป หากเป็นผู้นำที่มีความรู้ความสามารถบ้าง ภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาคงไม่ตกต่ำย่ำแย่อย่างที่เป็น และเมื่อเจอกับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูง ข้าวของแพงขึ้นเพราะต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น รายได้เท่าเดิมแต่อำนาจซื้อน้อยลง ทุกข์จึงตกกับประชาชนคนหาเช้ากินค่ำ แทนที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นสัญญาณสภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงที่สุดในรอบ 13 ปี ตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา แต่กลับนิ่งนอนใจและไม่คิดหาแนวทางป้องกันและแก้ไขอย่างเป็นระบบ

“พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่มาจากการสนับสนุนของ ส.ว. 250 การแก้ปัญหาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จึงไม่ยึดโยงกับอำนาจบริหารผ่านคณะรัฐมนตรีที่มาจากฝ่ายการเมือง เพราะมองและด้อยค่านักการเมืองทั้งที่มีความยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ว่าผมไม่เคยเป็นนายกฯ มาก่อน แต่ยังเป็นนายกฯ ได้นั้นไม่ผิด แต่การเป็นนายกฯ ที่ดีและทำให้ประเทศชาติเจริญนี้ เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถ จึงไม่น่าแปลกใจที่ความนิยมในตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยจะเพิ่มสูงขึ้นทิ้งห่าง พล.อ.ประยุทธ์ เกือบ 14 % เพราะประเทศชาติทุกวันนี้ต้องการความหวัง แต่กับนายกฯ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ที่คนไทยมองเห็นมีแต่ความสิ้นหวัง” น.ส.อรุณี กล่าว