เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมประชุมคณะกรรมการพัฒนาศักยภาพเด็กไทยด้านการศึกษาและสาธารณสุขว่า การประชุมดังกล่าวมาจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการศึกษาของเด็กไทยให้ไปสู่ศตวรรษที่ 21 ดังนั้นการจะพัฒนาการศึกษาของเด็กไทยให้ไปสู่จุดนั้นได้จำเป็นจะต้องพัฒนาทั้ง 4 H ได้แก่ (Head) ฉลาด เก่ง มีความรู้ความสามารถ (Heart) ดี เป็นคนดี มีวินัย มีคุณธรรมจริยธรรม มีจิตสำนึกที่ดีต่อตนเองและส่วนรวม (Hand) มีทักษะด้านอาชีพใช้ความสามารถตนเอง เพื่อประโยชน์ส่วนรวม และ (Health) แข็งแรง รอบรู้ พฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม สุขภาพดี ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จึงมีความจำเป็นจะต้องทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อมุ่งไปสู่ความปลอดภัยในสถานศึกษาครบทุกมิติ

“ทุกวันนี้การพัฒนาผู้เรียนมีความซับซ้อนหลากหลายมิติไม่ว่าเป็นการเรียนที่ส่งผลให้เด็กเกิดความเครียด หรือสภาพปัญหาสังคมที่บีบคั้นนักเรียนในด้านต่างๆ ซึ่ง ศธ.จะมานั่งรอให้เกิดปัญหาและตามแก้ไขภายหลังไม่ได้อีกต่อไปแล้ว โดยเราจะต้องทำงานเชิงรุกและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยการระดมผู้เชี่ยวชาญจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการจัดทำนโยบายและมาตรการต่างๆ ร่วมกัน เพื่อให้เด็กได้เรียอย่างสนุกและสถานศึกษามีความปลอดภัยทุกมิติ” รมว.ศธ.กล่าวและว่า สำหรับการเปิดภาคเรียนในรูปแบบออนไซต์ทั่วประเทศนั้น ต้องยอมรับว่าสถานศึกษาทุกแห่งมีการบริหารจัดการแผนเผชิญเหตุได้เป็นอย่างดี แม้จะมีจำนวนนักเรียนที่ยังติดเชื้อแต่สถานศึกษาสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงตามาตรการของ ศธ.