สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ว่าที่ประชุม 30 ประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ออกแถลงการณ์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประกาศว่ารัสเซียคือประเทศที่เป็น “ภัยคุกคามโดยตรงและใหญ่หลวงที่สุด” ของนาโต
ขณะเดียวกัน เนื้อหาในแถลงการณ์ฉบับเดียวกันยังระบุตรงไปตรงมาถึงจีนว่า “ข่มเหงรังแก” ประเทศเพื่อนบ้าน และการจัดตั้ง “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบไร้ขอบเขต” กับรัสเซีย ถือเป็น “ความท้าทาย” สำหรับโลกตะวันตกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นาโตยังไม่ได้นิยามจีนว่าเป็น “ความท้าทายเชิงระบบ” ตามที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้
ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงแผนการเตรียมเพิ่มกำลังทหารอเมริกันในยุโรป “เพื่อปกป้องอธิปไตยทุกตารางนิ้วของสมาชิกนาโต” โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกและทะเลบอลติก หลังเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต ประกาศแผนการ เตรียมเพิ่มกำลังทหารพร้อมรบ หรือกองกำลังเคลื่อนที่เร็ว จากปัจจุบันที่มีจำนวนประมาณ 40,000 นาย ให้เป็น “มากกว่า 300,000 นาย” ซึ่งจะเป็นการยกระดับขีดความสามารถของนาโต ในการรับมือกับภัยคุกคามจากภายนอก ที่หมายถึงรัสเซีย และอาจรวมถึงจีนด้วยในอนาคต
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวถึงการประชุมนาโตครั้งนี้ ที่เป็นการตั้งต้นเส้นทางสู่การเป็นสมาชิกของฟินแลนด์และสวีเดน ว่ารัฐบาลมอสโก “ไม่มีปัญหา” ที่ทั้งสองประเทศจะเป็นสมาชิกนาโต เนื่องจากบริบทของทั้งสองประเทศ “แตกต่าง” จากยูเครน
อย่างไรก็ตาม “เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้” ที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับฟินแลนด์และสวีเดน “จะทวีความตึงเครียด” เมื่อทั้งสองประเทศเข้าสู่นาโตอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเท่ากับว่า “ภัยคุกคามกำลังจะเกิดขึ้น” ต่อรัสเซีย หากนาโตติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร หรือนำอาวุธยุทโธปกรณ์ใดมาติดตั้ง รัสเซียพร้อมตอบโต้ “ตามความเหมาะสม”
อนึ่ง ผู้นำรัสเซียกล่าวถึงการที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำสหราชอาณาจักร กล่าวว่า สงครามในยูเครนจะไม่เกิดขึ้น “หากปูตินเป็นผู้หญิง” ว่าจอห์นสันควรทบทวนประวัติศาสตร์ สมัยนายกรัฐมนตรีมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ ทำสงครามหมู่เกาะฟอล์กแลนด์กับอาร์เจนตินา เมื่อปี 2525.
เครดิตภาพ : REUTERS
