จากกรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ของ หมอโอ๋ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงจิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น รพ.รามาธิบดีฯ ได้โพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ระทึก เมื่อโรงแรมหรู “โซเนวา คีรี รีสอร์ท” อ.เกาะช้าง จ.ตราด ราคาคืนละ 500,000 บาท เกิดไฟไหม้เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยไร้สัญญาณเตือนไฟไหม้ จนได้รับอุบัติเหตุกับร่างกาย และมีทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก รวมมูลค่าสูงถึงประมาณ 34 ล้านบาท อาทิ นาฬิกา ยี่ห้อริซาร์ตมิล, อัญมณี และอุปกรณ์ไอทีต่างๆ

ซึ่งต่อมา พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ต.ปกรณ์ มณีปกรณ์ ผบก.ภ.จว.ตราด แถลงข่าวปิดคดีไฟไหม้โรงแรมหรู พร้อมตั้ง 4 ข้อหา 1.กระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทจนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย 2. กระทำโดยประมาทอันน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตบุคคลอื่น 3.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส 4.ร่วมกันนำอาคารซึ่งไม่เป็นอาคารควบคุมการใช้หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารดังกล่าวเพื่อกิจการโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น และออกหมายจับผู้บริหาร 4 ราย โผล่มอบตัวแล้ว 1 ราย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด หมอโอ๋ ได้ออกมาอัพเดตข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ระบุข้อความ “หมอและครอบครัวขอขอบคุณการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดตราด และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านมากนะคะ สำหรับการทำงานที่ตรงไปตรงมา จากการแถลงปิดคดี สรุปได้ว่า

บริษัท ทรอพพิคอล ไอซ์แลนด์ จำกัด ประกอบธุรกิจโรงแรม ในชื่อ โรงแรมโซเนวา คีรี รีสอร์ท ที่เกิดเพลิงไหม้ ได้นำกลุ่มอาคารห้องพักพูลวิลล่า 63 ที่ “ไม่ผ่านการตรวจความปลอดภัย” จากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ใช้ประกอบกิจการโรงแรม โดยไม่แจ้งนายทะเบียน บริษัทฯขาดการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า จนเกิดเหตุเพลิงไหม้ สาเหตุเพลิงไหม้ เกิดจาก ไฟช็อตที่คอมเพรสเซอร์แอร์ (อันนี้น้องชายที่ไปฟังแถลงการณ์บอกมา ไม่ได้อยู่ในเนื้อข่าว)

โรงแรม “ทราบดีอยู่แล้ว” ว่าระบบแจ้งเตือนภัยไฟไหม้ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในการยับยั้งต้นเหตุเพลิงไหม้ “ใช้การไม่ได้” แต่กลับไม่ซ่อมแซมให้ใช้การได้ เมื่อเกิดเหตุจึงไม่สามารถระงับยับยั้งไม่ให้เพลิงไหม้ลุกลามใหญ่โตได้

การกระทำดังกล่าวของโรงแรม จึงเป็นความผิด กระทำให้เกิดเพลิงไหม้ ตั้ง 4 ข้อหา

1.กระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทจนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย

2. กระทำโดยประมาทอันน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตบุคคลอื่น

3.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส

4.ร่วมกันนำอาคารซึ่งไม่เป็นอาคารควบคุมการใช้หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารดังกล่าวเพื่อกิจการโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น

ออกหมายจับ 3 คน เป็นคนไทย 1 คน ต่างชาติ 2 คน หนีไปต่างประเทศแล้ว ราคาทรัพย์สินที่อยู้ในข่าว เยอะไปกว่าที่เรายื่นแจ้งไปนะคะ (หลักๆ ก็มีนาฬิกาของน้องชายหมอที่ราคาสูง และพวกแหวน นาฬิกา ของคุณแม่และน้องสะใภ้)

เอาจริงๆ ตอนแรกหมอก็รู้สึกเห็นใจทางโรงแรมนะคะ เข้าใจว่าอุบัติเหตุก็คงไม่มีใครอยากให้เกิด หมอมีภาพ วีดีโอ และข้อมูลที่ขัดแย้งกับคำแถลงการณ์ของโรงแรมมากมาย แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะลงในสื่อ แต่ตลอดระยะเวลา 3 เดือน การกระทำของโรงแรมทำให้เราเห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพ และความไม่ตั้งใจที่จะดูแลความเสียหายของครอบครัวเราแบบที่มนุษย์ควรจะปฏิบัติต่อกัน ขนาดหมอลงเพจว่าตัดสินใจจะฟ้องร้อง โรงแรมยังไม่มีการติดต่อใดๆ กลับมา ทุกวันนี้ครอบครัวยังไม่ได้รับการเยียวยาทางด้านทรัพย์สินที่เสียหายไปแต่อย่างใด ยกเว้นค่ารักษาพยาบาลของหมอ

การจะมาทำธุรกิจในประเทศไทย แล้วเอาแต่โกยกำไรกลับไป แบบไม่มีจิตสำนึกถึงความปลอดภัยของผู้เข้าพัก เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น ก็ไม่มีความเป็นมืออาชีพที่จะแก้ไขปัญหา หรือมีจิตใจที่จะเห็นถึงความยากลำบากของผู้อื่น ครอบครัวเรายืนยันที่จะฟ้องร้องค่าเสียหายและดำเนินคดีตามกฏหมายเพื่อปกป้องสิทธิของเรานะคะ ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้หมอและครอบครัวนะคะ หนทางยังอีกยาวไกลจริงๆ”..