เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ครั้งที่ 2/2565 ว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการหารือร่วมกัน กลับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายเศรษฐกิจ ถึงการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคง พลังงาน และเศรษฐกิจ เพื่อทำแผนรับมือรับสถานการณ์สรุปก็คือมาตรการในช่วง 3 เดือนคือตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย. การหารือวันนี้ก็มีมาตรการที่จะต่ออายุเพิ่มเติมให้ และจะหาเงินจากที่ไหนได้บ้าง หลังจากนั้น 3 เดือนต่อไป ต.ค.-ธ.ค. จะทำอะไรได้ต่อหรืออะไรที่ทำไม่ได้แล้ว ถ้าทำแล้วจะเกิดปัญหาต่อระบบการเงินการคลังก็ต้องไปดูอีก เพราะเป็นเรื่องของหนี้สาธารณะเพราะปัจจุบันตัวเลขพุ่งขึ้นตามลำดับ ก็ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด และจากนั้นถ้ายังมีการสู้รบอย่างนี้อีกยาวไปจนถึงปีหน้า อีก 3 เดือน ต้องพิจารณาว่าเราจะทำอย่างไรได้บ้าง


นายกฯ กล่าวอีกว่า หลายอย่างเราทำได้แต่หลายอย่างก็ต้องลดลงและไปดูเฉพาะกลุ่มที่เดือดร้อนโดยเรียงลำดับมากไปหาน้อย วันนี้เป็นการสรุปมาในทุกประเด็นในเรื่องของปัญหา และสถานการณ์ เราจึงต้องพิจารณาตามระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี แล้วถ้าหากนานกว่านั้นก็ต้องต่อออกไปอีก ถือเป็นการวางแผนระยะยาวและเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ วันนี้สิ่งที่เราต้องเตรียมรับคือเรื่องของพลังงาน ซึ่งเราจะต้องไม่มีคำว่าขาดแคลน และวันนี้เราอยู่ในเกณฑ์ที่ยังไม่ขาดแคลน แต่ยอมรับว่าราคาสูง ทั้งราคาของน้ำมันและแก๊ส ซึ่งเราต้องดูราคาในความเป็นจริงจากต่างประเทศด้วยเพราะมาจากมาตรฐานตัวเดียวกันจะราคาต้นทุนน้ำมัน ในส่วนของค่าการกลั่นมีกฎหมายดูแลและควบคุมอยู่ทุกฉบับ ซึ่งทางคณะกรรมการกฤษฎีกาคงออกมาชี้แจงอีกครั้งว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ ยืนยันไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อใคร ทำไมจะไปเอื้อประโยชน์ให้ใคร


“สิ่งแรกวันนี้คือไฟต้องไม่ดับ พลังงานต้องมีเพียงพอ วันนี้รับทราบแล้วว่าอัตราสำรองพลังงานยังใช้ได้ระยะหนึ่ง แม้ถ้าจะไม่มีการนำเข้าอีกจะใช้ได้อีกเท่าไหร่ เราจะอยู่ได้กี่วันได้มีการหาข้อมูลกันไว้ทั้งหมดแล้ว และได้มีการเตรียมแผนไว้ว่าถ้าขาดแล้วจะทำอย่างไร ถ้านำเข้าอีกไม่ได้มันก็จะเป็นปัญหา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า จากนี้ไป 3-6 เดือนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หรือเกิน 6 เดือนไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ เพื่อให้เกิดผลกระทบกับประเทศไทยมากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าจากต้นทุนที่เรามีอยู่ในปัจจุบันเราไม่สามารถที่จะดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆโดยการใช้เงินมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจะทำให้มีปัญหา สิ่งสำคัญที่สุดจึงต้องเตรียมความพร้อมไว้เพราะผลกระทบมีมากมายหลายส่วนด้วยกัน


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันขอฝากให้ทุกคนช่วยกันประหยัดพลังงานด้วยใช้เท่าที่จำเป็น เพราะตนเองก็ใช้รถประจำตำแหน่งเท่าที่จำเป็นเช่นเดียวกัน ซึ่งตนเองไม่เคยเติมน้ำมันฟรี ส่วนมาตรการเวิร์กฟรอมโฮมนั้น ต้องมีมาตรการตรวจสอบว่าทำงานที่บ้านจริงหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไร้ประโยชน์ โดยในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. จะต้องมีประเมินมาตรการที่เคยให้ความช่วยเหลือประชาชน ว่ามาตรการใดมีความจำเป็นหรือเห็นควรที่จะต้องหยุดลง เพื่อใช้งบประมาณเท่าที่จำเป็น ไม่ต้องกู้เพิ่ม และไม่ก่อหนี้สาธารณะส่งผลในระยะยาว และกระทบต่อวินัยการเงินการคลัง


ทั้งนี้ ในวันนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือ 1. คณะกรรมการเฉพาะกิจบริหาร สถานการณ์เศรษฐกิจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และ 2.คณะกรรมการเฉพาะกิจ บริหารติดตาม วิเคราะห์ ผลกระทบในอนาคต ที่มี รมว.คลัง เป็นประธาน ซึ่งมาตรการทั้งหมดก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ค.)