จากกรณี คนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ในร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ “BANANA” สาขาเมืองนครนายก จ.นครนายก ได้ทรัพย์สินไปกว่า 128 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.9 ล้านบาท ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวของ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 ได้โพสต์รูปการสอบสวนคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์รายนี้ หลังจากถูกจับกุมตัวได้ที่ห้องพักย่านลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. โดยคนร้ายคือ นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือ “คาร์มัส” อายุ 23 ปี ชาวนราธิวาส เจ้าหน้าที่พบของกลางโทรศัพม์มือถือยี่ห้อต่าง ๆ 31 เครื่อง จากนั้นได้ขยายผลไปยังห้องพักในโรงแรมย่าน ซอยรามคำแหง 40 พบของกลางอีก 58 เครื่อง รวมทั้งสิ้น 89 เครื่อง

จากการสอบสวนพบว่า ผู้ก่อเหตุเคยขโมยโทรศัพท์มือถือที่ร้าน “BANANA” มาแล้ว 3 สาขาด้วยกัน คือที่ กทม., นครนายก และ นราธิวาส ขณะลงมือจะนุ่งกางเกงชั้นในเพียงตัวเดียวเท่านั้น เบื้องต้นให้การรับสารภาพอ้างว่า เหตุที่ขโมยแต่ร้าน BANANA เพราะชอบกล้วย และชอบสีเหลือง มีการเลือกร้านจาก google map โดยจะหาร้านและสุ่ม จากนั้นก็จะเดินทางไปดูลาดเลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง อาศัยเวลากลางคืนเข้าไปขโมยของกลาง ส่วนที่ว่าทำไมถึงต้องใส่แต่กางเกงชั้นในเข้าไปขโมยของนั้น เป็นเพราะรู้สึกมั่นใจ รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง

นายคาร์มัส ยังอ้างอีกว่า สมัยเด็ก ๆ รู้สึกฝังใจที่เพื่อน ๆ ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือ แต่ตนไม่มี จึงเริ่มก่อเหตุขโมยโทรศัพท์เล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนจะลุยกวาดหมดยกร้าน ของกลางบางส่วนนำไปขายหารายได้ให้ตัวเอง อีกส่วนก็นำไปแจกจ่ายให้คนเร่ร่อนย่านสนามหลวง และหัวลำโพง บางส่วนก็นำกลับไปแจกให้คนในพื้นที่บ้านเกิด จ.นราธิวาส ซึ่งการให้แต่ละครั้งจะให้ทั้งเงินและโทรศัพท์ ทำให้รู้สึกเหมือน โจรโรบินฮู้ด แต่ทว่าสื่อมวลชนกลับตั้งฉายาตนว่า “จอมโจรกางเกงใน” ลักษณะเหมือนโจรโรคจิต ทำให้รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ในช่วงที่ก่อเหตุปี 64 จึงลงมือขโมยกล้องวงจรปิดไปด้วย

สำหรับ นายคาร์มัส เคยก่อเหตุลักทรัพย์มาแล้ว 9 คดี ใน 9 พื้นที่ ประกอบด้วย สภ.เมืองยะลา, สภ.หาดใหญ่, สภ.เมืองพัทลุง, สภ.เมืองนครศรีธรรมราช, สภ.เมืองหนองบัวลำภู, สภ.เมืองอุบลราชธานี, สภ.หัวหิน และ สน.สายไหม โดยถูกออกหมายจับ 4 คดี คือ ศาลจังหวัดยะลา, ศาลอาญามีนบุรี, ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางจังหวัดสงขลา และศาลจังหวัดพัทลุง หลังจากนี้จะได้มอบตัวให้ตำรวจในพื้นที่ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.