เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นางสาวมานิตา ภิญโญภาสกุล อายุ 49 ปี พาผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบภายในบ้านเลขที่ 99 หมู่ 6 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หลังถูกคนร้ายเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้านไปหลายรายการจนกลายเป็นบ้านร้าง โดยพบว่าบ้านปลูกอยู่ติดกับถนนสายโรจนะ ขามุ่งหน้าอำเภอวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นบ้านปูนชั้นเดียวสภาพเก่า มีต้นหญ้าขึ้นรถทึบ รั้วบ้านถูกทุบถอดเอารั้วสเตนเลสไป ข้าวของภายในบ้านและรอบบ้านถูกรื้อค้น แอร์ที่ติดอยู่ภายในบ้านและห้องนอนถูกถอดเอาไป สายไฟที่อยู่ภายในบ้านถูกรื้อออก ประตู หน้าต่างถูกคนร้ายถอดหายไป นอกจากนี้ยังพบว่า หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่ที่เสาไฟฟ้าหน้าบ้าน ก็ถูกคนร้ายขโมยไปด้วย

นางสาวมานิตา กล่าวว่า บ้านหลังนี้แม่ของตนเองและครอบครัวสร้างขึ้นเพื่อให้แม่มาอยู่อาศัย และเปิดเป็นตลาดนัดด้านหน้าบ้านเนื่องจากติดกับถนนใหญ่ ช่วงแรกต้นปี 2565 แม่มาพักอาศัยอยู่ ต่อมาแม่ป่วยต้องรักษาตัวในกรุงเทพฯ บ้านจึงไม่มีใครมาอยู่ แต่นานๆ ก็จะเข้ามาดูสักที จนประมาณเดือน ก.พ. ได้มาที่บ้านพบว่าข้าวของในบ้านสูญหายไปหลายรายการ จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน จากนั้นบ้านก็ถูกคนร้ายแอบมาขโมยของอีกหลายครั้งจนแทบไม่เหลืออะไรเลย ช่วงหลังมี รปภ.ของหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กันคอยแจ้งตลอดว่ามีคนร้ายเข้ามาขโมยของ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่มาไม่ทันคนร้าย ระยะหลังจะเป็นกลุ่มที่เก็บของเก่า

“ขนาดหม้อแปลงขนาดใหญ่อยู่ที่เสาไฟฟ้า เราเตรียมที่จะเปิดตลาดต้องใช้ไฟมาก คนร้ายต้องมีความรู้ความชำนาญมาก และหม้อแปลงอยู่สูงมาก มาถอดไปกันง่ายๆ ไปแจ้งความเพิ่มเติม ไปติดตามความคืบหน้าไม่มีอะไรคืบหน้า ตำรวจกลับบอกเราว่าถ้าไม่ได้มาอยู่บ้านแล้วขายบ้านไปดีกว่า รู้สึกหมดหวังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก จนตอนนี้ไม่กล้าเข้ามาดูที่ดูบ้านของตนเองแล้ว กลัวมาเจอคนร้ายอยู่พอดีแล้วจะเกิดอันตราย จริงๆ เราไม่ได้ปล่อยทิ้งบ้านแบบนี้ บ้านเราสวยงามอยู่อาศัยได้ แต่มาถูกคนร้ายขโมยทรัพย์สินไปจนหมด คิดรวมมูลค่าทรัพย์สินแล้วกว่า 1 ล้านบาท เพราะภายในบ้านทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี ตู้เย็น แอร์ อุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องมือช่าง รวมที่ไปแจ้งความเอาไว้กว่า 60 รายการ” นางสาวมานิตา กล่าว