สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ว่าจากเหตุการณ์ลอบสังหารซึ่งสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก เมื่อชายวัย 41 ปี ใช้อาวุธปืนประดิษฐ์เอง ยิงอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง ช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกของพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ที่เมืองนารา ทางตะวันตกของประเทศ และคณะแพทย์ผู้ให้การรักษายืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว ว่า อดีตผู้นำญี่ปุ่นถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ ขณะมีอายุได้ 67 ปีนั้น


นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำสหราชอาณาจักร ร่วมแสดงความเสียใจอย่างสูงสุดไปยังทุกภาคส่วนในญี่ปุ่น และยืนยันการอยู่เคียงข้างญี่ปุ่น ท่ามกลางช่วงเวลาอันเศร้าสลดและน่าตกใจ นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ “น่าตกใจอย่างมาก” และยกย่องอาเบะว่า เป็นหนึ่งในผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลคนหนึ่งของโลก


ด้าน สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงโตเกียว ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงความเสียใจอย่างสูงสุด ต่อชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวอาเบะ และยกย่องอดีตผู้นำญี่ปุ่นซึ่งอุทิศตัว ทุ่มเทให้กับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ส่วน กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสูงสุด และประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “เป็นการก่อการร้าย”


ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ผู้นำเกาหลีใต้ ประณามการลอบสังหารอาเบะ “เป็นอาชญากรรมที่ไม่สามารถให้อภัยได้” รัฐบาลโซลขอแสดงความเสียใจอย่างสูงสุดไปยังชาวญี่ปุ่น ซึ่งสูญเสียอดีตนายกรัฐมนตรีที่ครองตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ และเป็นหนึ่งในนักการเมืองซึ่งได้รับการเคารพนับถือมากที่สุด


ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวว่า ญี่ปุ่นได้สูญเสียนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อประชาชนในประเทศ และเพื่อชาวโลกด้วย ขณะที่ นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี กล่าวว่า รู้สึกตกตะลึงอย่างมากเมื่อทราบข่าว และขอแสดงความเสียใจอย่างสูงสุดไปยังชาวญี่ปุ่น


นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีส ผู้นำออสเตรเลีย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสียใจอย่างมาก อาเบะถือเป็นหนึ่งในมิตรแท้และมีความใกล้ชิดกับออสเตรเลีย ผลงานที่อดีตผู้นำญี่ปุ่นได้สร้างไว้มีผลต่อทั้งโลก และเป็นประโยชน์สำหรับออสเตรเลียด้วย.

เครดิตภาพ : REUTERS