สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงมีพระราชดำรัสต่อที่ประชุมอาหรับ-สหรัฐ ที่เมืองเจดดาห์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่าเป้าหมายการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียยังคงเป็นไปตามที่เคยประกาศไว้ เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะเพิ่มเป็นสูงสุด 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2570 จากปัจจุบันอยู่ที่วันละ 10-11 ล้านบาร์เรล “และจะไม่มีการเพิ่มมากกว่านั้นอีก” โดยยังไม่มีการเจาะจง ว่าซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มการผลิตน้ำมันอีกครั้ง “เมื่อไหร่”


เจ้าชายโมฮัมเหม็ดตรัสต่อไปว่า การดำเนินนโยบาย “ที่ไม่สมเหตุสมผลตามความเป็นจริง” เพื่อมุ่งเน้นลดปริมาณการปล่อยก๊าซพิษ โดยไม่คำนึงถึงแหล่งทรัพยากรพลังงานภายนอก มีแต่จะยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น อัตราการว่างงานสูงขึ้น และการเกิดปัญหาสังคมอื่นตามมา

เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงฟังการแถลงของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ต่อที่ประชุมอาหรับ-สหรัฐ ในเมืองเจดดาห์ ทางตะวันตกของซาอุดีอาระเบีย


ขณะเดียวกัน พระองค์ตรัสเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และ “สถานการณ์ด้านภูมิศาสตร์การเมืองโลก” ต้องได้รับความใส่ใจและความร่วมมืออย่างจริงจังจากทุกฝ่าย เช่นเดียวกับการขับเคลื่อนนโยบายเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานสะอาด ที่จะเป็นจริงได้ เมื่อดำเนินการอย่างจริงจังเท่านั้น


ทั้งนี้ หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการเยือนซาอุดีอาระเบีย โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการขอให้รัฐบาลริยาดและสมาชิกองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก ( โอเปก ) เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก เพื่อช่วยลดราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลก และบรรเทาความรุนแรงของอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐ ที่สถิติตอนนี้พุ่งไปสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ.

เครดิตภาพ : REUTERS