สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ว่า ศาลฎีกาเปรูมีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ที่อนุญาตให้นางอานา เอสตราดา นักจิตวิทยา วัย 44 ปี สามารถจบชีวิตของเธอได้ หลังจากที่มีการสู้คดีมานาน 5 ปี ร่วมกับอาการเจ็บป่วยจากโรคกล้ามเนื้ออักเสบของเธออีกนับหลายปี

สำหรับเปรู ประเทศที่ยังไม่มีกฎหมายรับรองการทำแท้งและการสมรสเพศเดียวกัน คำตัดสินดังกล่าวของศาลเปรียบเสมือนจุดสำคัญในการถกเถียงเรื่องการุณยฆาต จากเดิมที่กฎหมายเปรูกำหนดโทษจำคุกสำหรับการให้ความช่วยเหลือในการฆ่าตัวตาย หรือการฆ่าผู้ป่วยระยะสุดท้าย

“ชัยชนะในครั้งนี้จะช่วยให้ฉันรับมือการเสื่อมสภาพจากโรคที่ไม่อาจเลี่ยง และกำลังจะเกิดขึ้นได้ดีกว่าเดิม อีกทั้งมันยังทำให้จิตใจของฉันเกิดความสงบสุขด้วย” เธอบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส

นอกจากนี้ คำวินิจฉัยของศาลฎีกาในสัปดาห์นี้ยังพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ที่กำหนดให้หน่วยงานด้านการประกันสุขภาพของเปรูต้องจัดเตรียม “เงื่อนไขทั้งหมด” สำหรับการการุณยฆาตของเอสตราดา ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 10 วัน นับตั้งแต่ที่เธอแสดงความตั้งใจที่จะจบชีวิต อีกทั้งบุคลากรแพทย์ที่มีส่วนในการการุณยฆาตจะได้รับการยกเว้นจากบทลงโทษทุกประการ

“ทำไมถึงตายอย่างภาคภูมิใจ? เพราะว่าฉันไม่อยากทุกข์ทรมาน ฉันไม่อยากเจ็บปวด แต่เหนือสิ่งอื่นใด เพราะว่านี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต และอิสรภาพ” เอสตราดา กล่าว

“การกำหนดสิทธิต่อความตายคือแบบอย่างที่เป็นรากฐาน มันคือกรณีแรกที่ไม่สามารถลบล้างได้ และมันทำให้นางอานา เอสตราดา สามารถตัดสินใจจบชีวิตในช่วงเวลาหนึ่งได้” นายวอลเตอร์ กูติเอร์เรซ ทนายความของเอสตราดา และอดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าว.

เครดิคภาพ : REUTERS