นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา (25 ก.ค. 65) ว่า แม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 996 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 6.07 เมตร ควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาที่สถานี C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ในอัตรา 747 ลบ.ม./วินาที ยังไม่กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 จะมีปริมาณน้ำเเม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์และปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะเเกกรังที่ไหลผ่านสถานี Ct.19 ซึ่งไหลมารวมกันลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ในเกณฑ์ประมาณ 1,050-1,150 ลบ.ม./วินาที จึงมีความจำเป็น ต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราระหว่าง 850-1,000 ลบ.ม./วินาที จะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.60-0.80 เมตร  บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ และหากมีแนวโน้มว่าปริมาณน้ำเหนือจะเพิ่มขึ้น จนส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,000 ลบ.ม./วินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป

อย่างไรก็ตามกรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำและควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์อย่างเต็มศักยภาพ และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือนไปยัง 11 จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิดแล้ว