ถูกจับตาว่าใครเป็นเจ้าของแหวนเพชรเม็ดเป้งที่นิ้วนางข้างซ้ายของ สาว “ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา” ล่าสุดเจ้าตัวเปิดใจแบบหมดเปลือกผ่านรายการ “ApitsaDay” ถึงความรักครั้งล่าสุดกับแฟนหนุ่มชาวฝรั่งเศส พร้อมประกาศข่าวดีว่ากำลังตั้งท้องลูกคนแรก! รวมไปถึงเรื่องการแต่งงานและการใช้ชีวิตคู่หลังจากนี้ ซึ่งต้องพึ่งทั้งหมอดูและนักจิตบำบัด

หมอดูทักเรื่องเนื้อคู่?

“เราอยู่ในเหตุการณ์ด้วยกัน คือไปเจอ หมอดูต๊อกแต๊ก เขาทักว่าจะมีคนเข้ามานะ ก็กรี๊ดดีใจใหญ่ บอกว่าเป็นต่างชาติ เป็นคนฝรั่งเศสนะ หลังจากนั้นอาทิตย์เดียวก็เจอเลย ไอซ์ไปทำผมที่ร้าน “ก้อง ไฮฟ์ ซาลอน” เพื่อนก็แกล้งถ่ายเราตอนทำผมลงสตอรี่ แล้วผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนฝรั่งเศส ก็ส่งข้อความว่าหาก้องว่า ว้าว! หลังจากนั้นก็มีการแนะนำให้รู้จักกัน เราก็คิดว่าอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น นัดแล้วก็แคนเซิล ผิดนัดประมาณ 2-3 รอบ จนครั้งที่ 3 เพื่อนบอกว่าให้มาเจอ ถ้าไม่ใช่ก็จบ ๆ เราก็ยังบอกก้องเลยว่าไม่ชอบฝรั่ง ยังไงก็ไม่มีทางชอบได้เลย แต่ไม่บอกใครว่าไปดูหมอมา เดี๋ยวจะหาว่าเพ้อเจอ แล้วไม่ใช่แค่แม่ต๊อกแต๊ก แต่ หมอลักษณ์เคยดูไอซ์ตอนปี 2563 ว่า ปี 2565 ระวังนะไอซ์จะท้อง แล้วไอซ์เป็นคนที่ดวงไม่เข้าตามตรอกออกตามประตูนะ ไม่ใช่คู่ที่อยู่ด้วยกันทุกคืนนะ ต้องอยู่ไกลกัน แล้วห้ามจัดงานใหญ่นะ ถ้าจัดงานใหญ่เมื่อไหร่พัง ตอนนั้นดูดวงก็คิดว่าทำไมชีวิตอาภัพขนาดนั้นเลย แล้วก็บอกแค่ผู้จัดการว่า ถ้าปี 2565 ฉันท้องนะ หมอลักษณ์แม่น! ผู้จัดการก็เคลียร์งานรอตั้งแต่ปี 2563 เลย ที่ผ่านมาหมอดูจะทักมาตลอดว่าห้ามจัดงานใหญ่นะ หรือคบเงียบเท่าไหร่ ชีวิตจะดี แต่ครั้งที่แล้วเราก็เงียบแล้วนะ แต่พอเปิดก็มีปัญหานิดหนึ่ง หรือที่เขาบอกว่าห้ามจัดงานใหญ่ เราก็คิดว่าจะแก้เคล็ดด้วยการไปจัดงานต่างประเทศ ถือว่าไม่ได้จัดเมืองไทย งาน 50 คนก็งานเล็ก ๆ แต่พอมันปิ้ว เราก็คิดว่าเอ๊ะ… แต่ก็คิดว่าอย่าไปเชื่อดวงอะไรมาก”

เรื่องลูกก็ต้องถามหมอดู?

“เขาอยากมีลูกแบบธรรมชาติ แต่เราเก็บไข่ได้แค่ 7 ใบ ไม่สามารถมีได้แน่ ๆ เลยทำทุกอย่าง ไปหาหมอจีน หมอดูว่าจะต้องเดือนไหน ไปไหว้ถึงอยุธยา พับดอกบัววางหัวเตียง ก็กินยาบำรุงอยู่ 3 เดือน แล้วให้คุณหมอเป็นคนนับวันให้ ก็ติดเลย ตอนแรกที่ยังไม่ใส่แหวนเราก็บอกว่ารอให้ชัวร์ก่อน เขาก็งงว่าชัวร์ของเธอคืออะไร ก็รอดูไปเรื่อย ๆ จนถึงที่สุด แล้วพอน้องมา เราก็บอกว่า ใส่แหวนได้แล้ว”

ทำไมคนนี้ถึงไม่เปิดตัว?

 แล้วคุณผู้ชายจัดงานแต่งไหม?

 “จริง ๆ เราไปไหนก็ไม่เคยปิด แต่เราไม่อยากโพสต์ลงไอจี ไอซ์เคยถามเขาตั้งแต่แรกเลยว่าทำไมถึงมาอยู่เมืองไทย เขาก็บอกว่าเขาชอบประเทศไทย เวลาอยู่ที่นี่ เขาเป็นแค่ฝรั่งคนนึงที่ไม่มีใครรู้จัก เราเลยรู้สึกว่าถ้าเราเปิด เขาอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่เขาอยากทำ คือเขามาจากครอบครัวที่เพียบพร้อมหน่อย มีหน้าที่การงาน เขาบอกว่าอยู่ประเทศไทยเขาอยากจะสบาย ๆ รีแลกซ์ เราเลยอยากเก็บพื้นที่ตรงนี้ให้เขา ไม่ใช่ว่าเป็นแฟนฉันแล้วเธอจะต้องเปลี่ยนไป”

นาทีตัดสินใจใช้ชีวิตคู่?

“ตอนที่เขาขอตอน ต.ค. ก็อยากจะประกาศเหมือนกันนะ แต่ก็ปฏิเสธเขาทุกครั้งเลยว่ายังไม่พร้อม จนกระทั่งเขาบอกว่า “ถ้าเธอยังไม่พร้อม และไม่ได้คิดกับฉัน บอกฉันตรง ๆ ได้นะ จะได้ไม่เสียเวลา” คิดว่าเราควรจะเป็นคนพูด ไม่ใช่ผู้ชายสิ เลยคิดว่า เอ๊ะ… หรือเรามีปัญหา เพราะเราก็พูดกับตัวเองมาตลอดว่าอยากมีครอบครัว เรารู้สึกเต็มอิ่มกับงานแล้ว เขาขอแต่งงานแล้วเราควรจะดีใจ อย่างที่บอกตอนแรกว่าเราไปหานักจิตบำบัดนิดนึง เขาถามเราอยู่ประมาณ 5 คำถาม ที่เหลือคือปล่อยให้เราพูด เขาก็ถามว่าไอซ์ได้ยินเสียงตัวเองไหม ว่าไอซ์คิดอะไร ก็ทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น เขาก็บอกว่า ง่าย ๆ เลยนะไอซ์ ไอซ์เป็นคนที่โตมาได้ด้วยตัวเอง มั่นใจในตัวเอง ไอซ์แค่กลัวว่าวันหนึ่งถ้ามีลูก ไอซ์จะไม่สามารถดูแลตัวเองได้เหมือนเดิม เพราะไอซ์ไม่ชอบขอความช่วยเหลือใคร แต่เป็นเรื่องของความกลัวที่ยังไม่เกิด เรากลัวไปก่อน ต่อให้จะดีหรือไม่ดี วันนี้ยังไงเราก็เลือกจะกากบาทข้อนี้ เพราะเป็นชอยส์ดีที่สุด เลยบอกเขาว่า ถ้ากลับมาครั้งนี้เราจะลองมีครอบครัวกันนะ”         

ตอนนี้คือแฮปปี้มาก?

“มาก เขาก็ดีใจ แต่เราทั้งดีใจ ตกใจ หัวเราะ แต่น้ำตาไหล เขาก็ถามว่าสรุปเธอดีใจหรือไม่ดีใจ พอตื่นขึ้นมา เขาก็บอกว่าฉันเสิร์ชกูเกิลแล้วนะว่าผู้หญิงเนี่ยเวลารู้ว่าท้องจะเป็นแบบนี้แหละ ฮอร์โมนจะสวิง เราก็คิดในใจว่าถึงขั้นต้องเสิร์ชกูเกิลเลยในการใช้ชีวิตกับเรา ซึ่งอารมณ์เป็นอย่างนั้นอยู่อาทิตย์นึง เป็นความกังวลไปหมดว่าใช้ครีมอันนี้ได้ไหม กินอันนี้ได้ไหม ใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ไหม เพราะเราก็ชอบออกกำลังกาย แต่หมอก็ห้ามว่าห้ามออก เพราะอาจจะความเสี่ยงที่มีเลือดซึมได้ 3 เดือนนั้นเราเลยอยู่กับบ้าน ไม่รู้จะทำอะไร แต่ตอนนี้เริ่มปกติ ตอนนี้อายุครรภ์ 3 เดือนกับ 2 วีกแล้ว

พอเราเริ่มบอกว่ามีน้อง คนก็ถามว่าจะจัดงานแต่งเมื่อไหร่?

“ก่อนหน้าคิดว่าจะโพสต์รูปเดียวในไอจีว่าท้องแล้วนะ แล้วไม่อธิบายอะไรด้วย เพราะคนใกล้ตัวก็จะรู้อยู่แล้วว่าเราบอกว่าไม่แต่ง แต่ก็เริ่มมีคำถามเยอะ ที่ผ่านมา ไอซ์ไปออกรายการมาแล้วก็พูดได้อย่างเต็มปากเลยนะ ว่าเฉย ๆ กับงานแต่งงานมาก เรารู้สึกว่าเป็นงานของคนอื่น ถ้าจัดดีคนก็จะบอกว่าบ่าวสาวเขาเหมาะกันดี โชคดีจังเลยเนอะ แต่เรารู้สึกว่าความโชคดี เราควรจะบอกตัวเองได้ ไม่ต้องให้คนอื่นบอก แล้วตอนอายุ 30 เราเคยจัดงานวันเกิด พอจบงานรู้สึกเหนื่อยมาก ไม่มีความสุขเลย ต้องคอยคิดว่าทุกคนจะโอเคหรือเปล่า ส่วนคุณผู้ชายก็ถามว่าคนไทยแต่งงานเชิญแขกกี่คนเหรอ เราก็ตอบไปว่า 500-1,000 คน เขาก็บอกว่านี่คือระดับเซเลบริตี้เหรอ เราก็บอกว่านี่คือชาวบ้านทั่วไป ถ้าเซเลบเนี่ย 3,000 คนก็มีนะ เขาก็ช็อก บอกว่าบ้านเขา 100 คน คืองานใหญ่มาก เราก็บอกว่า 100 คน เพื่อนเราจัดเนี่ย โดนนินทาว่าเชิญไม่ครบ ถ้าจัดเล็ก ๆ ในหัวเราคือ 50 คน แต่สำหรับเขาคือญาติฝั่งละ 10 คน”

ความรักครั้งก่อน ก็มีการขอแต่งงานแล้ว?

“เป็นสิ่งที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยว่า เรามีวันแล้ว มีสถานที่แล้ว มีชุดเจ้าสาวแล้ว คุณชมพู่-อารยา เป็นคนเลือกแบรนด์ให้ โอต์กูตูร์เลยนะ เป็นชุดที่เรารู้สึกว่าถ้าได้ใส่แล้วคงเป็นผู้หญิงที่โชคดี พอไปลองสวมแล้วมีน้ำตารื้น ๆ แต่พอวันหนึ่งมันไม่ใช่ ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย เราลืมใจความสำคัญของการใช้ชีวิตคู่จริง ๆ ถ้าการแต่งงานคือความเข้าใจ ความรัก ตรงนี้ไม่ใช่ เราก็อย่าไปดันทุรัง ครั้งนี้เลยอยากจะอธิบายว่าทำไมถึงไม่อยากไปแตะตรงนั้นอีกแล้ว เพราะต้องจัดงานแต่ง ตอนนี้คือการบังคับใจตัวเองนะ พอวันนี้ใจเราไม่อยากแต่ง เลยพาคุณผู้ชายไปคุยกับพ่อแม่ พอคุยกับแม่ เขาก็บอกไม่มีหน่อยเหรอลูก งานเล็ก ๆ ก็ได้ แต่พ่อก็พูดขึ้นมาว่า คุณนี่มันงานของลูก ถ้าลูกเขาไม่อยากมีก็ไม่ต้องหรอก หมดยุคงานของพวกเราแล้ว พอพ่อพูดแค่นี้ แม่เลยพูดว่าก็จริงเนอะ แค่นั้นเลย เขาเข้าใจ”

“เขาก็แล้วแต่ไอซ์ จริงๆเขาอยากจัดโรงแรมที่อเมริกา แต่สถานที่ที่เขาอยากไปพวกเราก็ไปกันลำบากเหลือเกิน แล้วคิดเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเขาก็คงเป็นคนจ่ายแหละ พอจะเป็นชีวิตคู่เราก็อยากมีส่วนร่วมด้วย เราบอกเขาว่าไม่ซีเรียสเรื่องงานแต่งนะ เขาเลยถามว่าเธอซีเรียสเรื่องอะไร ก็เลยบอกว่าเราซีเรียสเรื่องแหวน (หัวเราะ) เพราะแหวนจะอยู่กับเราตลอดไป สมมุติจัดงาน 5 ล้าน 10 ล้าน เอามาบวกกับแหวน แต่จริง ๆ ตรงนี้เป็นเรื่องแล้วแต่คนนะ แล้วจริง ๆ ก็เกรงใจเพื่อนด้วย ต้องซื้อตั๋วอีกแล้ว ครั้งที่แล้วตั๋วเพื่อนยังมีอยู่เลย แล้วรีฟันด์ไม่ได้”

อยู่คนละประเทศแบบนี้ใช้ชีวิตยังไง?

“เฟซไทม์กันทุกวัน แต่ไอซ์รู้สึกว่าไม่ใช่ใครจะคบเรา หรือใครจะไปคบเขาก็ได้ เพราะเราเป็นคนยากด้วยกันทั้งคู่ ถ้าเลือกได้ฉันก็อยากมีคู่ แต่ก็อยากอยู่คนเดียว ต้องมีสเปซให้กัน ที่ผ่านมาเราเคยเกือบจะไปด้วยกันไม่รอดครั้งหนึ่งแล้ว เพราะเขาบอกว่าเราเหมือนกันเกินไป เขาบอสซี่ เราบอสซี่ คุณสมบัติข้อหนึ่งที่เราเลือกเขา เพราะเขาเป็นผู้นำ แต่สุดท้ายเขามีความเกรงใจเรา เรามีความเกรงใจเขา ถ้าตัดเรื่องฐานะ ปัจจัยภายนอก ถ้าวันนี้เขามีศูนย์ เราเชื่อว่ายังไงเขาก็จะพาครอบครัวเรารอด”

ยังรับงานในวงการอยู่ไหม?              

“ยังรับอยู่นะคะ แต่อาจจะเป็นงานที่วันเดียวจบ คุณชมพู่-อารยา ก็เป็น ตอนแรกเขาก็อยากให้คลอดที่ฝรั่งเศส แต่ไอซ์ก็บอกเขาว่าเธอเคยได้ยินไหมว่าหลังคลอดจะมีภาวะเบบี้บลูม ถ้าไปที่โน่นฉันจะต้องเป็นซึมเศร้าแน่ ๆ เลย ขอคลอดที่นี่ แล้วยังไงพ่อเป็นฝรั่งเศส ลูกก็ต้องได้สัญชาติอยู่แล้ว เลยขอคลอดที่นี่ และอยากให้ให้อยู่เมืองไทยถึง 9-10 ขวบ เพื่อให้อยู่กับพ่อแม่ของเราให้นานที่สุด”

ตกลงวิธีการเลี้ยงลูกกันแล้ว?

“ไม่มีอะไรมาก ก็ตกลงกันไว้ว่าอย่าสปอยล์ เขาก็พูดว่าเธออย่าให้ลูกเราบ้าแบรนด์เนมนะ ฉันไม่โอเคที่จะมาซื้อของแบรนด์เนมอะไรให้ ตัดภาพมาเขาซื้อทั้งรถเข็นแบรนด์เนม เสื้อผ้าแบรนด์เนม ไอซ์ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เขาก็บอก อ๋อ… ไม่เป็นไร ยังเล็กอยู่ ไม่รู้เรื่องหรอก (หัวเราะ) ”ก็ค่อนข้างย้อนแย้ง”

แพ้ท้องบ้างหรือเปล่า?

“มีทานอะไรไม่ค่อยลง 3 วัน แล้วพอบอกคุณผู้ชายว่ากินอะไรไม่ได้เลย 3 วัน น้ำหนักลด เขาก็บอกว่า Good for you (หัวเราะ) เดี๋ยว… แต่เราเวียนหัวอยู่ แพ้ท้อง เลยขี้เกียจจะทะเลาะ แล้วเขาก็บอกอ้าว น้ำหนักลงมันไม่ได้ดีกับเธอเหรอ นึกว่าเราดีใจ”

ตอนนี้รู้เพศยัง?

“รู้แล้ว แต่ยังไม่บอกใคร (ยิ้ม)”

ทุกอย่างเป็นไปตามแพลนไหม?

“ตามแพลนนะ ดีใจมาก เราคุยกับเพื่อนว่ายังไงก็ต้องมีปีนี้ ถ้าอยากมีลูกคนที่ 2 ก่อนอายุ 40 แต่ถ้าเกิดตอนนี้ยังคาบเกี่ยวนะว่าเขาจะเป็นเสือหรือกระต่าย ถ้าเป็นเสือจะเลี้ยงยากเกินไปหรือเปล่า แล้วแฟนไอซ์หันมาถามว่าเธอพูดอะไรของเธอ ฉันไม่สนใจ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าลองแล้วจะมาเลย เพราะว่าคนรอบตัว วัยตอนนี้ทุกคนมีปัญหาหมด แม้จะให้คุณหมอช่วยก็ใช่ว่าจะติดร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างอยู่ที่คุณแม่ อยู่ที่ดวง การที่เด็กคนหนึ่งจะมาเกิดไม่ได้ง่าย และก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสำเร็จ แล้ววันนั้นเราท้องอยู่ แต่ยังไม่ได้บอกใคร แล้วไปกินข้าวกับเพื่อน เพื่อนเล่าว่าเก็บไข่ได้ฟองเดียว เราก็ไม่กล้าพูด เพราะก็มีเคสที่ยากลำบากมากกว่าจะมีได้ พอกลับบ้านก็ขอบคุณลูกมากที่มาได้เอง เพราะ 80 เปอร์เซ็นต์ของเพื่อนเราต้องพึ่งแพทย์หมด”

“ทีมข่าวบันเทิงเดลินิวส์” ขอแสดงความยินดีกับสาว “ไอซ์-อภิษฎา” ด้วยจ้า!