สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงตูนิส ประเทศตูนิเซีย เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ว่า ตูนิเซียจัดการลงประชามติ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมีสาระสำคัญ คือการรวบรวมอำนาจทั้งหมดไว้ที่ประธานาธิบดีแต่เพียงผู้เดียว กล่าวคือ เป็นการเปลี่ยนจากระบบกึ่งรัฐสภาสู่ระบบประธานาธิบดี ให้ประมุขแห่งรัฐมีอำนาจสูงสุด คณะรัฐมนตรีและฝ่ายตุลาการอยู่ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี

ประธานาธิบดีคาอิส ไซเอด ใช้สิทธิลงประชามติ ที่คูหาแห่งหนึ่ง ในกรุงตูนิส


ทั้งนี้ ผลอย่างไม่เป็นทางการของการลงประชามติปรากฏว่า 92.3% ให้การสนับสนุน แต่จำนวนผู้ออกมาใข้สิทธิอยู่ที่ประมาณ 25% ขณะที่ ประธานาธิบดีคาอิส ไซเอด กล่าวถึงการลงประชามติครั้งนี้เพียงว่า “คือการเริ่มต้นของสาธารณรัฐประชาชนใหม่” แม้สถิติผู้ออกมาใช้สิทธิถือว่า ต่ำที่สุด นับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติทางการเมืองครั้งใหญ่ในตูนิเซีย เมื่อปี 2554 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์อาหรับสปริง ในหลายประเทศแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง

เจ้าหน้าที่ประจำคูหาเลือกตั้งในกรุงตูนิส นับบัตรลงประชามติ


อนึ่ง ไซเอดอ้างการใช้อำนาจพิเศษ ตามที่ระบุอยู่ในมาตรา 80 ของรัฐธรรมนูญตูนิเซีย ว่า “ในภาวะฉุกเฉินหรือเร่งด่วน” ประธานาธิบดีสามารถเป็นผู้ใช้อำนาจบริหารร่วมกัน หรือแทนนายกรัฐมนตรีได้ “จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่สภาวะปกติ” ระงับการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา เพิกถอนสิทธิคุ้มกันของนักการเมืองทุกคน โดยให้เหตุผล เพื่อปกป้องบ้านเมืองจากการคอร์รัปชั่น และความขัดแย้งทางสังคม ซึ่งเข้าขั้นวิกฤติ และ “ธรรมาภิบาลที่ผิดพลาด” ส่งผลให้โครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจ “มีปัญหา”


ขณะที่ พรรคเอ็นนาห์ดา ซึ่งเป็นพรรคมุสลิมสายกลางขนาดใหญ่ที่สุดของตูนิเซีย ประณามไซเอด “รัฐประหารรัฐสภา” อย่างไรก็ตาม ความพยายามจัดการประท้วงยังไม่เป็นผลมานัก ด้วยการที่กองทัพซึ่งสนับสนุนไซเอด “สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด”.

เครดิตภาพ : REUTERS