ตั้งแต่ฟอร์ด ประเทศไทย ได้เปิดตัว “เอเวอเรสต์” ใหม่ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา 2 รุ่นย่อยได้รับความสนใจจำนวนมาก ล่าสุดฟอร์ดได้เปิดตัวเอเวอเรสต์ใหม่ครบทั้ง 4 รุ่น มียอดจองกว่า 3,000 คัน พร้อมประกาศราคาระหว่าง 1.334-1.854 ล้านบาท และจัดทริปให้คณะสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศร่วมกิจกรรมทดสอบสมรรถนะ ที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยทีมฟอร์ดได้จัดสถานีให้ลองขุมพลังในรูปแบบทางเรียบและออฟโรด ภายใต้แนวคิด “Life is Yours to Master” เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสสมรรถนะของรถยนต์รุ่นใหม่และทดสอบการทำงานของหลาย ๆ ฟีเจอร์ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชั่นใหม่ ที่ติดตั้งมาเป็นครั้งแรกในเซกเมนต์

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียม พลัส 4x410AT ซึ่งเป็นรุ่นท็อปที่ฟอร์ดจัดให้ทดสอบครั้งนี้ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter 10 สปีด ให้พละกำลัง 210 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร โดยเริ่มผจญภัยบนทางเรียบกว่า 15 กม. ได้ฟิลลิ่งหนักแน่นมั่นคง ทั้งการควบคุมพวงมาลัยและช่วงล่างตามสไตล์ ฟอร์ด โดยเฉพาะฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มม. ทำให้ควบคุมและเกาะถนนยิ่งขึ้น

การขับทางเรียบใช้แค่โหมดปกติที่ออกแบบเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันทดสอบคู่กับระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน สต๊อป แอนด์ โก รวมทั้งได้ทดลองระบบควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทางที่ช่วยตรวจสอบช่องทางจราจรเพื่อให้รถอยู่ตรงกลางเลนช่วยรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย และจำกัดความเร็วได้ดียิ่งขึ้นขณะขับขี่บนเส้นทางที่ใช้ความเร็วสูง หรือจราจรหนาแน่น หรือโหมดประหยัด ที่ทำงานด้วยการประเมินพฤติกรรมการขับขี่และปรับการทำงานของระบบส่งกำลังและระบบควบคุมความเร็วให้เหมาะสมเพื่อประหยัดน้ำมัน

อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าสถานีออฟโรดเพื่อลุยทุกการผจญภัยที่มีทั้งการปีนป่ายหิน ถนนโคลน ร่องน้ำลึก และโคลน ไม่ได้ทำให้เอเวอเรสต์สะทกสะท้าน เพราะสามารถปีนป่ายได้ง่ายดาย โดยฟอร์ดได้ปรับแต่งโช้คอัพใหม่ช่วยเพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่และช่วยให้การควบคุมรถทั้งบนถนนและเส้นทางออฟโรดง่าย เพราะเอเวอเรสต์ ยังมีโหมดทางลื่น จะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน เพื่อลดอาการล้อหมุนฟรี ป้องกันการลื่นไถลและโหมดโคลน

ซึ่งแน่นอนไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวที่ปกคลุมด้วยโคลน กรวด หรือร่องดิน เอเวอเรสต์ก็พร้อมตะลุยผ่านได้อย่างมั่นใจ ด้วยระบบดิฟล็อกหลังไฟฟ้าที่ทำงานแบบอัตโนมัติในโหมดนี้ พร้อมเพิ่มการยึดเกาะให้เต็มประสิทธิภาพและรักษากำลังของรถไว้ ควบคู่กับการปล่อยให้ล้อหมุนด้วยความเร็วเพื่อรีดโคลนออกจากดอกยาง การขับลุยผ่านทางน้ำได้อย่างง่ายดาย ด้วยความสามารถในการลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มม. และทัศนวิสัยที่เพิ่มขึ้นจากกล้องมองรอบคัน 360 องศา

นอกจากขับขี่บนทางเรียบและออฟโรดแล้วยังได้สัมผัสเทคโนโลยีที่ฟอร์ดพัฒนาขึ้นเพื่อให้ความอเนกประสงค์และความสะดวกสบายในสถานี Comfort and Convenience โดยมีฟีเจอร์เด่น ๆ เช่น ฟอร์ดพาส แอพพลิเคชั่นเชื่อมต่อและฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น สตาร์ตรถ ล็อกและปลดล็อก ปรับอุณหภูมิล่วงหน้าและตรวจสอบสถานภาพของรถผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ในสถานี “mart Technology” นั้นได้ลองใช้เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ขั้นสูงที่ติดตั้งมาเพื่อเสริมความมั่นใจ และช่วยให้ควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้นในหลากหลายสถานการณ์ เช่น ระบบช่วยจอดอัจฉริยะแบบเทียบข้างหรือถอยจอดเข้าซองได้ง่าย ๆ เพียงกดปุ่มเดียว โดยระบบจะช่วยหมุนพวงมาลัย เปลี่ยนเกียร์ควบคุมคันเร่งและเบรกให้รถเข้าสู่ช่องจอดได้อย่างง่ายดาย ระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง

ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะที่นั่งปรับได้ตามการใช้งานรองรับ 7 ที่นั่งแล้ว เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับให้พับราบได้แบบ 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 แบ่งสัดส่วน 50:50 พร้อมฟังก์ชัน การพับเบาะแบบไฟฟ้าได้ง่าย ๆ เพียงกดปุ่มบริเวณที่เก็บของท้ายรถในรุ่นไทเทเนียม พลัสสามารถขนของที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย หน้าจอความละเอียดสูงแบบสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ขนาด 12 นิ้ว พร้อมให้ผู้ขับขี่ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงและเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A ระบบล่าสุดของฟอร์ด ซึ่งเทคโนโลยีที่ใส่ให้เต็ม ๆ ในรุ่นท็อปเรียกว่าทุกคนได้ลองใช้อย่างสนุกสนาน สะดวกสบาย น่าตื่นเต้นและรู้สึกปลอดภัย.