แมนฯ ซิตี กับ ลิเวอร์พูล คือคู่รักคู่แค้นแห่งวงการลูกหนังยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง พวกเขาคือยอดทีมที่แม้แต่คู่แข่งยังต้องซูฮก พวกเขาสร้างความสวยงามให้ฟุตบอล พวกเขาเต็มไปด้วยผู้เล่นคุณภาพ และพวกเขามียอดกุนซือเป็นผู้คุมบังเหียน

เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขามีฟุตบอลที่ดี และมอบความสุขให้แฟนบอลเสมอ ไม่ว่าเจอกันเมื่อไหร่ ที่ไหน รายการอะไร รับประกันได้ถึงความเข้มข้น สนุกสนาน และคุณภาพระดับสูง “คอมมิวนิตี ชิลด์” ปีนี้ จึงเป็นเสียงไก่ขัน ส่งสัญญาณการเปิดฤดูกาลที่ไพเราะเพราะพริ้งที่สุด

แม้เป็นเกมการกุศล แต่เกียรติยศศักดิ์ศรียังมีค้ำคอ ยิ่งด้วยความเป็น “ปรปักษ์” ในช่วงหลัง ที่ยอมกันไม่ได้ ทำให้นี่จะไม่ใช่ “เกมชิงโล่” แสนธรรมดาเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา แต่จะเป็นเกมสำคัญที่ทั้งคู่เตะกันแบบเต็มที่ ถึงแม้รู้ดีว่า อีกไม่กี่วันของจริงก็จะเริ่มฟาดแข้งก็ตาม

สัญญาณแห่งการเริ่มต้นดังขึ้นแล้ว คุณพร้อมหรือยัง?

เอฟเอ คอมมิวนิตี ชิลด์
ลิเวอร์พูล – แมนฯ ซิตี
วันที่ : เสาร์ที่ 30 ก.ค. 65
เวลา : 23.00 น.
สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 1 (ทรูวิชั่นส์ 607, เอไอเอส เพลย์), ทรูไอดี

ลิเวอร์พูล
“หงส์แดง” คว้ารองแชมป์ในลีก โดยเก็บได้ 92 คะแนน น้อยกว่า แมนฯ ซิตี แค่แต้มเดียว แต่เฉือนเรือใบ 3-2 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ แม้ว่าจะแพ้ต่อ รีล มาดริด 0-1 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศก็ตาม ส่วนผลงานในเกมอุ่นเครื่องถือว่าไม่ดีนัก โดยแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-4 ที่กรุงเทพฯ ตามด้วยชนะ พาเลซ 2-0, ไลป์ซิก 5-0 และ แพ้ ซัลซ์บวร์ก 0-1


ขณะที่การเสริมทัพได้ตัวใหม่มา 3 คนคือ ดาร์วิน นูนเญซ, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ และ คัลวิน แรมซีย์ แต่เสียเยอะทั้ง ซาดิโอ มาเน, ทาคูมิ มินามิโนะ, ดิวอค โอริกี รวมถึง เนโก วิลเลียมส์ โดยเกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ จะไม่มี อลิสซอน เบคเกอร์ ที่เจ็บกล้ามเนื้อท้อง เช่นเดียวกับ ดีโอโก โชตา, อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, คัลวิน แรมซีย์ ที่ยังเดี้ยง ส่วนตัวที่เหลือพร้อมทั้งหมด

การจัดทัพใช้ อาเดรียน เฝ้าเสา แดนหลังมี เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ โจเอล มาติป ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โดยมี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เป็นแบ๊ก 2 ข้าง แดนกลางจัด ติอาโก, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ ทำเกม แล้วใส่ โม ซาลาห์ กับ หลุยส์ ดิอาซ ทำเกมประสานกับ ดาร์วิน นูนเญซ หอกตัวใหม่ ที่ยิงระเบิดในเกมอุ่นเครื่อง

แมนฯ ซิตี
“เรือใบสีฟ้า” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว โดยเก็บได้ 93 แต้ม เฉือน ลิเวอร์พูล แต้มเดียว ขณะที่เกมอุ่นเครื่องก็ถือว่าน้อยมาก โดยเตะแค่ 2 นัด ชนะ คลับ อเมริกา 2-1 และชนะ บาเยิร์น มิวนิก 1-0 และหลังจากเกมนี้ก็ไม่มีเกมอุ่นอีกแล้ว จนเปิดฤดูกาลกับ เวสต์แฮม ในสัปดาห์หน้า


เปป กวาร์ดิโอลา ได้นักเตะใหม่แบบเน้นๆ 3 คน คือ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กับ คัลวิน ฟิลลิปส์ รวมถึง จูเลียน อัลวาเรซ ที่ซื้อมาตั้งแต่ต้นปี แต่ปล่อยยืมตัว ก็ดึงกลับมา แต่ก็เสียไปหลายคนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เชซุส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก รวมถึง แซค สเตฟเฟน โกล์มือ 2

เกมนี้ อายเมริค ลาปอร์ก ยังไม่น่าจะลงได้ เพราะเจ็บเข่า แต่ รูเบน ดิอาส หายเจ็บต้นขา กลับมาช่วยทีมได้ โดยการจัดทัพใช้ เอแดร์สัน เฝ้าเสา แดนหลัง ดิอาส ยืนเซ็นเตอร์กับ นาธาน อาเก โดยมี ไคล์ วอล์เกอร์ และ เจา กันเซโล เป็นแบ๊ก แดนกลางจัด โรดรี, แบร์นาร์โด ซิลวา และ เควิน เดอ บรอยน์ ทำเกม โดยใส่ 3 ประสานแดนหน้าเป็น ริยาด มาห์เรซ, แจ๊ค กลีลิช และ เออร์ลิง ฮาแลนด์

ความน่าจะเป็นของเกม
เจอกันเมื่อไหร่ก็เดือด และรับประกับคุณภาพ ฤดูกาลที่แล้วเจอกัน 3 รอบ เสมอ 2-2 ในลีกทั้ง 2 นัด ก่อน ลิเวอร์พูล เฉือน 3-2 ในเอฟเอ คัพ รอบชิงฯ ทำให้รูปเกมน่าจะออกแนวเดิมคือบุกใส่ตามถนัด ยิ่งเป็นเกมที่ไม่มีผลอะไร ยิ่งไม่ต้องคิดมาก ลุยได้เต็มที่ บวกกับเป็นเกมก่อนเปิดฤดูกาล อาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้น สกอร์จึงน่าจะเยอะ แต่เทียบแล้ว ทั้งตัวใหม่-ตัวเก่า ถือว่าสูสีมาก โต้ไปโต้มา ไม่น่ากินกันลง มีโอกาสจบเสมอสูง

ผลที่คาด
เสมอกัน 2-2