เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา และการปรับปรุงสวนใต้สะพานพระปกเกล้า เขตพระนคร เพื่อติดตามการขอจัดสรรงบประมาณ โดยมี ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง สำนักงานเขตพระนคร สำนักงานเขตคลองสาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล

สำหรับสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา เป็นการปรับปรุงโครงสร้างเดิมของรางรถไฟฟ้าลาวาลิน ที่ก่อสร้างไม่เสร็จในปี พ.ศ. 2527 ให้กลายเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้า ซึ่งมีทางเดินและทางจักรยานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ความยาว 280 เมตร ความกว้าง 8.50 เมตร โดยมีระยะห่าง 0.80 เมตร จากช่องทางเดินรถบนสะพานพระปกเกล้าทั้ง 2 ฝั่ง และความสูงคงที่วัดจากระดับพื้น 9 เมตร ติดตั้งราวกันตกความสูง 2-3 เมตร พร้อมทั้งติดตั้งลิฟต์โดยสารเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการและผู้สูงอายุที่มาใช้บริการเป็นแหล่งนันทนาการ ใช้สำหรับพักผ่อนและออกกำลังกาย เป็นจุดชมวิวกลางแม่น้ำเจ้าพระยา โดยดำเนินการปรับปรุงในปี พ.ศ. 2561 แล้วเสร็จเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย มอบให้ กทม.โดยสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง เป็นผู้ดูแล

ทั้งนี้ สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา นอกจากจะเชื่อมการสัญจรระหว่างฝั่งธนบุรีเข้ากับฝั่งพระนครแล้ว ยังเชื่อมสวนสมเด็จพระปกเกล้าฯ เขตพระนคร เข้ากับสวนป่ากรุงเทพมหานครเฉลิมพระเกียรติ เชิงสะพานพระปกเกล้า เขตคลองสานด้วย

ปัจจุบันสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงระบบไฟฟ้าบริเวณสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา ได้ชำรุดเสียหาย สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง จึงขอจัดสรรงบประมาณในการปรับปรุง พร้อมทั้งจัดหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในบริเวณดังกล่าว

นอกจากนี้สำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักงานเขตพระนคร เตรียมพัฒนาพื้นที่สวนสมเด็จพระปกเกล้าฯ เป็นศูนย์เรียนรู้การคัดแยกขยะมูลฝอย รวมถึงพิจารณาหาแนวทางในการปรับปรุงพื้นที่ใต้สะพานพระปกเกล้า และพื้นที่โดยรอบไปรสนียาคาร (ที่ทำการไปรษณีย์แห่งแรก) เพื่อให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มีความร่มรื่น และสวยงาม

นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า การขอจัดสรรงบประมาณในการปรับปรุงนั้น จะต้องพิจารณาถึงรูปแบบความเหมาะสม เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ขอจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้การดำเนินงานปรับปรุงเกิดประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลตามเป้าหมาย ที่สำคัญจะต้องเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง.