จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยการเข้าค้นรถของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อายุ 57 ปี อดีตส.ส.อุทัยธานี พร้อมด้วยขบวนรถของผู้ติดตามอีก 7 คัน พบมีอาวุญปืนที่บริเวณทางแยกบ้านหลุมเข้า ต.หลุมเข้า อ.หนองขาหย่าง ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น จนกลายเป็นกระแสสังคม ถึงประวัติและที่มา ก่อนที่เป็นผู้มีอิทธิของนาชาดานั้น

สำหรับประวัติของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” นั้น เกิดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. พ.ศ. 2504 เป็นบุตรของนายเดชา กับนางปาลี้ ไทยเศรษฐ์ มีพี่น้องคือนายชัยยศ และน้องสาวคือนางมนัญญา โดยตระกูล “ไทยเศรษฐ์” สืบเชื้อสายมาจากแขกปาทาน ที่อพยพมาจากตอนเหนือของปากีสถาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะทำอาชีพค้าเนื้อ โดยปู่ของนายชาดา เป็นพ่อค้าเนื้อรายใหญ่ในจ.อุทัยธานี ด้านนายเดชา พ่อของนายชาดานั้นก็ทำกิจการรับบรรทุกไม้ซุง แล้วหันมาค้าวัว ค้าควายส่งออกต่างประเทศ และขายเนื้อในตลาดอุทัยธานี กระทั่งถูกยิงจนเสียชีวิตเมื่อปี 2511 ขณะที่นายชาดาอายุได้ 7 ขวบ ถัดมาอีก 7 ปี แม่ของนายชาดาก็ถูกยิงจนเสียชีวิต และหลังจากนั้นเพียงแค่ 7-8 เดือนต่อมา นายชัยยศ พี่ชายที่เข้ามาดูแลกิจการค้าเนื้อก็จบชีวิตไปอีกคน

ช่วงนั้นญาติฝ่ายแม่ของนายชาดา ได้นำตัวไปอยู่ที่เมืองกาญจนบุรี และเมื่อนายชาดาเริ่มโตเป็นหนุ่มแล้ว จึงเริ่มกลับมาสานต่อธุรกิจเนื้อของตระกูล โดยเขาเป็นหัวเรือใหญ่ส่งเนื้อขายที่ตลาดอุทัยธานี พร้อมกับมีชื่อเสียงว่าเป็นบุคคลประเภท “ใจถึง พึ่งได้” จนเป็นที่รู้จักไปทั่วจ.อุทัยธานี

หลังชีวิตเริ่มประสบความสำเร็จ นายชาดาเริ่มหันไปทำธุรกิจทำเหมืองหิน รับเหมาก่อสร้าง โรงแรมรวมถึงเป็นนายหน้าค้าที่ดิน แล้วจึงเริ่มเข้าวงการการเมือง โดยการรวมกลุ่มกับตระกูล “เหลืองบริบูรณ์” หนึ่งใน 6 ตระกูลชื่อดังของเมืองอุทัยธานี (ทุ่งทอง, นุ้ยปรี, โต๋วสัจจา, มงคลศิริ, เหลืองบริบูรณ์ และไทยเศรษฐ์) ในนาม “กลุ่มคุณธรรม” โดยนายชาดารั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีในปี 2539 จากนั้นจึงส่งมอบตำแหน่งให้กับ “มนัญญา ไทยเศรษฐ์” ผู้เป็นน้องสาว ส่วนตัวเองก็มุ่งหน้าเข้าสู่เวทีการเมืองใหญ่ในปี 2550 โดยหลังการเลือกตั้ง นายชาดาได้รับเลือกให้เป็น ส.ส.สมัยแรก ภายใต้สังกัดพรรคชาติไทย (พรรคชาติไทยพัฒนาในปัจจุบัน) พร้อมทั้งยังได้ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์สภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการงบประมาณอีกด้วย นอกจากนี้เขายังได้ผลักดันให้ “นายเผด็จ นุ้ยปรี” ได้รับตำแหน่งนายก อบจ.อุทัย ถึง 2 สมัยด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านั้นในปี 2546 เกิดเหตุ “สมเกียรติ จันทร์หิรัญ” เลขานุการของ ”ประแสง มงคลศิริ” ส.ส.พรรคไทยรักไทย ถูกฆ่าจนเสียชีวิต โดยนายชาดา ถูกจับกุมในข้อหาจ้างวานฆ่า แต่สุดท้ายแล้ว ศาลพิพากษายกฟ้องในปี 2548 และล่าสุด นายชาดาก็กำลังจะทำแร่ โดยการขออนุญาตทำแร่ในที่ดินของตนเอง ประเมินมูลค่าหลายร้อยล้านบาท!

ด้านชีวิตครอบครัว…. นายชาดามีบุตรชายและบุตรสาวทั้งหมด 7 คน แต่เรื่องเศร้าก็มาเยือนตระกูล “ไทยเศรษฐ์” อีกครั้ง ในปี 2554 เมื่อ “ฟารุต ไทยเศรษฐ์” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ถูกวางตัวเป็นทายาททางการเมือง กลับถูกยิงเสียชีวิตบนรถของนายชาดาเองเมื่อเดือนส.ค.ปีเดียวกัน ที่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ขณะที่นายชาดานั่งอยู่บนรถอีกคัน และเมื่อต้นปี 2559 ที่ผ่านมา นายชาดาได้จัดงานใหญี่ระดับประเทศอีกครั้ง เมื่อลูกสาวทั้ง 2 คนอย่าง “ปานัดฌา-อัลฑริกา ไทยเศรษฐ์” เข้าสู่ประตูวิวาห์ โดยเฉพาะพิธีมงคลสมรส ก็มีแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานนับหมื่นคน รวมไปถึงผู้มีชื่อเสียงในวงการเมืองอย่าง “ชวน หลีกภัย” “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” “จตุพร พรหมพันธุ์” “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” เป็นต้น

หลังจากเกิดเหตุการณ์ “รัฐประหาร 2557” นายชาดาเขาถูกตำรวจบุกค้นบ้านมาแล้ว 3 ครั้ง ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 58 ตำรวจกองปราบเปิดยุทธการสะแกกรัง ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างในจ.อุทัยธานี ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 59 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านผู้มีอิทธิพลละเมิดกฎหมาย ที่รวมบ้านพักนายชาดาอยู่ด้วย และครั้งที่สาม เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ได้เปิดยุทธการไพร่ฟ้าหน้าใส ตรวจค้นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จ.อุทัยธานีรวม 30 จุด รวมถึงบ้านของนายชาดาอีกครั้ง จนมาถึงเมื่อวันที่ 27 พ.ค. กับการเขาค้นรถของนายชาดา รวมไปถึงขบวนรถของผู้ติดตามรวม 7 คัน โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่นับร้อยนายนั้น

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ชีวิตของ “เจ้าพ่อน่านน้ำสะแกกรังรายนี้” ถือว่าไม่ธรรมดาและมีชีวิตผาดโผนเป็นอย่างมาก

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Chada Thaised,@wikipedia,@นิตยสารผู้นำท้องถิ่น ฉบับที่ 10 กุมภาพันธ์ 2544,@Lerkdee Production

ข่าวที่เกี่ยวข้อง..

สกัดจับขบวนรถ”ชาดา ไทยเศรษฐ์”อดีต สส.ดังอุทัยธานี