สายฟู้ดดี้และคาเฟ่ฮอปปิงต้องร้องว้าว! กับ “PUBLIC MARKET” (พับลิค มาร์เกต) ฟู้ดคอมมูนิตี้สุดฮิปแห่งใหม่ใจกลางเมือง ที่ชั้น 2 บริเวณทางเชื่อมระหว่างห้างเซ็นทรัลชิดลม และศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่จะมาเสิร์ฟประสบการณ์การกินแนวใหม่เอาใจสายฟู้ดดี้และคาเฟ่ฮอปปิงที่ชอบความชิลและบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างเป็นส่วนตัว พร้อมรังสรรค์กลายเป็นถนนสายหลักสุดเก๋ที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนและร้านอาหาร

กลายเป็นฟู้ดคอมมูนิตี้กลางกรุงแห่งใหม่ที่จะอ้าแขนต้อนรับเหล่าฟู้ดเลิฟเวอร์และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาปักหมุดเช็กอิน พร้อมเสิร์ฟประสบการณ์สุดพิเศษภายใต้บรรยากาศที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างเป็นส่วนตัว วันนี้ “เดลินิวส์ออนไลน์” ได้รวบรวม 10 ร้านเด็ดที่ใครไปแล้วต้องห้ามพลาดเด็ดขาด และถ้าใครพลาดถือว่าไม่ได้ไปถึงฟู้ดคอมมูนิตี้แห่งนี้!! ว่าแต่จะมีร้านอะไรบ้างนั้น ตามมาอ่านกันได้เลย

สำหรับ “PUBLIC MARKET” มีการดีไซน์โดยการแบ่งพื้นที่นั่งออกเป็นสามจุดหลักๆ จัดเป็นสัดส่วน แต่ก็เปิดโล่งเพื่อให้ความรู้สึกโปร่งสบายในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาสุดพิเศษในการรับประทานอาหารและเป็นจุดนับพบสังสรรค์กับบรรดาเพื่อนฝูงหรือครอบครัว พร้อมเพลิดเพลินไปกับแนวกำแพงที่เต็มไปด้วยต้นมอสเขียว ซึ่งตั้งใจออกแบบมาให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติ พร้อมด้วยโซนร้านอาหารชื่อดังที่แต่ละร้านมีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง แยกเป็นสัดส่วนเพื่อให้ผู้คนที่สัญจรไปมาได้เลือกชมและเลือกซื้ออาหารได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

พร้อมสร้างสีสันและความบันเทิงให้ได้อิ่ม ฟินไปกับบูธดีเจ และพื้นที่ Pop-up โซนแฮงก์เอาต์สุดชิลได้ฟีลลิ่งเหมือนมานั่งพักผ่อนระหว่างการชอปปิง พร้อมอร่อยไปกับอาหารหลากหลายเมนู จาก 10 ร้านอาหารสุดชิคชื่อดังแห่งยุค ที่รวมมาไว้ให้ที่นี่ที่เดียว ประกอบไปด้วย

1. Ba Hao Tian Mi (ปา เฮ่า เถียน มี่)

สายคาเฟ่ฮอปปิงจะต้องร้องกรี๊ดกับร้าน Ba Hao Tian Mi คาเฟ่สไตล์โมเดิร์นไชนีส ส่งตรงจากเยาวราชที่ถูกยกให้เป็นน้องสาวของร้าน Ba Hao (ปา เฮ่า) บาร์สไตล์จีนที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2560 ในซอยนานา ใกล้ถนนเยาวราช มีพุดดิ้งสูตรพิเศษของร้านได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีเมนู โกจิ เบอร์รี่ พุดดิ้ง (Goji Berry Pudding) เป็น 1 ในเมนูที่ขายดีที่สุดของร้าน เรียกว่าเป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้าจนต้องมีการสั่งจองก่อนล่วงหน้าเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังได้ยกเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน อย่างเมนู “พุดดิ้งงาดำ” พุดดิ้งโรยผงงาดำล้นๆ จนเคลือบพุดดิ้งทั้งก้อน เสิร์ฟพร้อมน้ำเชื่อมงาดำที่เสริมรสหวานมันให้ความหอมจากงาและรสหวานมันของเนื้อพุดดิ้งและน้ำเชื่อมงาดำซึ่งเข้ากันได้อย่าลงตัว หรือเมนูเครื่องดื่มที่พลาดไม่ได้อย่าง “น้ำส้มจี๊ด” คั้นสดใหม่ทุกแก้ว รสชาติเปรี้ยวจี๊ดสมชื่อ เติมน้ำเชื่อมเข้าไปอีกนิดหน่อย ช่วยให้มีรสกลมกล่อมและดื่มง่ายสดชื่นกว่าเดิม พร้อมอีกหลากหลายเมนูแนะนำจากทางร้านที่ยกมาเสิร์ฟให้ฟู้ดเลิฟเวอร์ได้ลิ้มลอง

2. ร้าน Pash Juices Bar (แพช จุยช์ บาร์)

Pash Juices Bar บาร์น้ำผลไม้สกัดเย็นและสมูทตี้สุดชิคสำหรับสายเฮลท์ตี้ ของเชฟเล็ก เชฟชาวไทยที่เป็นเจ้าของร้านอาหารในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กว่า 30 ปี ด้วยจุดเด่นเรื่องความอร่อยที่เชฟได้ตั้งใจเลือกใช้ผลไม้คุณภาพของไทยและรังสรรค์รสชาติให้คนที่ไม่ชอบทานน้ำผักน้ำผลไม้กล้าที่จะลองรับประทาน และทำให้คนที่ชื่นชอบอยู่แล้ว กลายมาเป็นลูกค้าประจำได้ทั้งประโยชน์ต่อสุขภาพและความอร่อยไปพร้อมๆ กัน

ที่ร้าน PASH มีเมนูน้ำผลไม้ สมูทตี้และชาผลไม้ให้เลือกอร่อยได้กว่า 40 รายการ และยังมีผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้สกัดเย็นบรรจุขวดให้เลือกซื้อกลับบ้าน พร้อมนวัตกรรม Cold Pasteurization เป็นการฆ่าเชื้อโดยไม่ผ่านความร้อน ทำให้สามารถเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 45 วัน และยังคงคุณค่าทางโภชนาการ ความสดได้อย่างครบถ้วน ที่สำคัญน้ำผลไม้ที่ PASH ไม่มีการเติมน้ำตาล ไม่ผสมน้ำ และปราศจากวัตถุกันเสีย เมนูไฮไลต์ที่ PASH JUICE BAR อย่าง น้ำผลไม้สกัดเย็น Passionate Pineapple, Beet Blast และสำหรับสายสมูทตี้ขอแนะนำ สตรอเบอรี่โยเกิร์ต พีชสตรอเบอรี่ แพชชั่นสมูทตี้ คาราเมลป๊อปคอร์น ล้วนเป็นเมนูที่ห้ามพลาด

3. Grazia Gelato & Coffee (กรัซเซีย เจลาโต แอนด์ คอฟฟี่)

ใครที่หลงรักไอศกรีมและกาแฟ ต้องเคยได้ยินชื่อร้าน Grazia Gelato & Coffee ซึ่งก่อตั้งโดยบุคคลที่หลงใหลในไอศกรีมเจลาโต และมีความชื่นชอบวัฒนธรรมอิตาลีขนานแท้ ทำให้เข้าใจ insight ของการสร้างบรรยากาศการต้อนรับและตกแต่งสไตล์บ้านอิตาเลียนดั้งเดิมที่แสนอบอุ่นและเป็นกันเองตามสโลแกนของร้าน “ประสบการณ์ศิลป์แบบฉบับอิตาเลียนแท้ ด้วยกลิ่นหอม รสชาติ และเนื้อสัมผัสที่ปรุงสดใหม่ทุกวันด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติที่ดีที่สุดเท่านั้น”

สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ที่คนรักวัฒนธรรมอิตาเลียนต้องมาลอง ต้องยกให้ “Brioche col tuppo con Gelato” หรือเจลาโต้ขนมปังบรีออชที่มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Sicily อยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี สูตรของทางร้านเป็นสูตรอิตาเลียนแท้ๆ โดยเชฟอิตาลี ตัวขนมปังไม่มีสารกันบูด อบสดใหม่ทุกวัน เสิร์ฟพร้อมกับเจลาโต้ 2 รสชาติที่ลูกค้าสามารถเลือกรสชาติได้เอง และความพิเศษเฉพาะที่นี้ คือ ไอศกรีมเจลาโตจะเปลี่ยนหมุนเวียนไปทุกๆ เดือน และแต่ละเดือนจะมี Special Flavour หรือรสชาติพิเศษเฉพาะสาขานี้เท่านั้น เช่น ในเดือนแรกที่เปิดตัว คือรสชาติ Malaga หรือ Italian Run Raisins ซึ่งทำจาก Passito Wine ที่ทางร้านนำเข้ามาจากประเทศอิตาลีหมักกับลูกเกดสีทอง จนได้รสชาติที่กลมกล่อม รับประทานง่าย ใครที่ได้ลองเป็นต้องถูกใจ

4. ร้าน Machi Machi (มาชิ มาชิ)

Machi Machi แบรนด์ชานมเพื่อคนรุ่นใหม่จากไต้หวัน มาในคอนเซ็ปต์มินิมอล กับสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่นำคาแรกเตอร์รูปน้องหมาดูดชานมสุดน่ารักเพื่อสื่อถึงความหมายของ “Best friend เพื่อนที่ดีที่สุด” พร้อมกับแนวคิดที่เชื่อว่าการดื่มชาควรจะเป็นวิถีชีวิต เป็นไลฟ์สไตล์ มากกว่าแค่กระแสหรือแฟชั่น จุดเด่นของร้านจึงเป็นการเลือกใช้ใบชาจากเมือง Nantou, Yuchi, Sun Moon Lake ในไต้หวัน ซึ่งเป็นชาที่สดใหม่ ดูแลและตัดเก็บตามขั้นตอน จึงทำให้ได้รสชาติที่ชัดเจนของชาต้นตำรับ หรือแม้แต่การเลือกนมนำเข้าจากนิวซีแลนด์เพื่อให้ได้รสชาติและสัมผัสที่นุ่มในทุกครั้งที่ดื่ม

เมนูไฮไลต์ของร้านต้องยกให้กับเมนูชาชีส ที่ได้สร้างฉายาให้กับแบรนด์ว่าเป็น “The Cheese Tea God” ผสมระหว่างตัวชา และด้านบนเป็นฟองชีสนุ่มๆ มีให้เลือก 4 รสชาติ ครีมชีสโฟมชาดำ, ครีมชีสโฟมชาอู่หลง, ครีมชีสโฟมชาเขียวมะลิ, ครีมชีสโฟมชานม นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายเมนูน่าลอง ไม่ว่าจะเป็น ชานมพานาคอตต้า, ชาเขียวเจลลี่บ๊วย, ชานมแครมบรูว์เล, ชาเขียวจัสมินผลไม้, ชาเขียวจัสมินและเจลลี่บ๊วย, สตรอเบอรี่ลาเต้พานาคอตต้า ที่ยกมาให้แฟนๆ ได้แวะมาชิมรสชาติ และเช็กอิน ถ่ายรูปบรรยากาศน่ารักๆของร้าน

5. ร้าน John Donut (จอห์น โดนัท)

John Donut พรีเมียมโฮมเมดโดนัทเจ้าดังส่งความอร่อยจากภูเก็ตมาสู่กรุงเทพฯ ถือกำเนิดครั้งแรกที่ จ.ภูเก็ต เมื่อปี ค.ศ. 2019 โดยฝีมือคนไทย 2 คนที่แอบหนีความวุ่นวายจากเมืองกรุงมาเปิดร้าน bakery และ baking studio ในบ้านทรงไทยกลางป่ายางบนเกาะแห่งนี้ โดยนิยามตัวเองว่าเป็น “คนทำโดนัทที่มีความสุขที่สุดในโลก” และอยากให้ Donut Lover ตัวจริงได้กิน premium-homemade donut ที่ทอดและอบ สด ใหม่ ทุกวัน โดยทางร้านเลือกใช้แป้งตระกูล Pastry ที่มีชื่อว่า Brioche ซึ่งมีลักษณะพิเศษเรื่องของความหอม นุ่ม ฟู จากเนย นม ไข่ มาเป็นแป้งหลักในการผลิตโดนัทต่าง ๆ กว่า 50 เมนูทั้งคาวและหวาน

และด้วยการใช้เทคนิคพิเศษ poolish method & sourdough starter หรือวิธีการหมักแป้งด้วยยีสต์ธรรมชาติที่ทำให้เนื้อขนมปังมีความเหนียวนุ่มเคี้ยวสนุก และทำให้โดนัทของจอห์นไม่มีกลิ่นยีสต์รบกวน และยังช่วยให้ระบบการย่อยอาหารไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไป นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่ทำให้ร้านโดดเด่นคือทุกเมนูปราศจากไขมันทรานส์ (trans-fat free) ในทุกขั้นตอนการผลิต โดยเฉพาะเรื่องของการทอดที่เป็นหัวใจสำคัญที่สุดที่จะทำให้โดนัทแต่ละชิ้น ปลอดภัยกับคนรับประทาน ทั้งยังลดความหวานลง 50% (low sugar)

สำหรับสายโดนัทเลิฟเวอร์ ขอแนะนำ Strawberry Cream Cheese โดนัทเนื้อนุ่ม ผสมผสานอย่างลงตัวด้วยแยมโฮมเมด ครีมชีสหนานุ่มหวานน้อยและสตรอเบอรี่สดลูกโต หรือ Apple Fritter ครีเอทสูตรพิเศษโดยใช้เนื้อแอปเปิลเขียวผัดกับเครื่องเทศคลุกเคล้ากับแป้งบริยอช เพิ่มความสดชื่นระหว่างวันกับรสชาติเปรี้ยวอมหวาน Maple Bacon Donut ผสมผสานลูกเล่นกึ่งคาวหวานระหว่างเบคอนกรุบกรอบเต็มคำเคลือบด้วยเมเปิลซอสสูตรลับ Boston Cream Bomboloni โดนัทสไตล์อิตาเลียนใส่ไส้วานิลลาคัสตาร์ดครีมเต็มๆ เคลือบด้านบนด้วย Dark Chocolate แท้จากเบลเยียม ให้รสชาติคลาสสิกแบบอเมริกัน พร้อมลายเซ็น John กำกับความเป็นต้นตำรับ

6. Yuji Ramen (ยูจิ ราเมน)

ร้าน YUJI RAMEN ชื่อดังจากนิวยอร์ก กำเนิดมาจากวัฒนธรรมการเตรียมอาหารของชาวญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ยึดถือ “จิตวิญญาณแห่ง Mottainai” ทำให้อาหารทุกจานจึงมาจากขั้นตอนการเตรียมและปรุงอย่างพิถีพิถันตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบจนถึงในครัว จุดเด่นของที่นี่ คือการนำเสนอ ราเมนซุปปลา 100% ต่างจากราเมนทั่วไปที่ใช้กระดูกหมูเป็นส่วนผสมหลักของซุป นอกจากจะให้รสสัมผัสที่อร่อยอย่างแตกต่าง ยังได้ประโยชน์ต่อสุขภาพจากซุปที่บรรจงเคี่ยวจากปลาและอาหารทะเลนานกว่าสิบชั่วโมง

ตัวเลือกราเมนที่นี่ มีสองสไตล์ คือ (1) ราเมนน้ำ เช่น Tuna Kotsu Ramen อันเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน น้ำซุปนุ่มละมุนจากกระดูกปลาต้มเสิร์ฟกับชาชูปลาทูน่าย่าง และ (2) ราเมนแห้ง หรือ Mazemen ที่มีลูกเล่นผสมผสานระหว่างรสชาติและเนื้อสัมผัสทั้งแบบดั้งเดิมและสากลเข้าด้วยกันอย่างกลมกล่อม อีกสองเมนูเด็ดที่ต้องลองคือ Ika Tantan ราเมนแห้งรสเผ็ดหน้าปลาหมึก และตัวเลือกสำหรับสาย Vegan คือ Tomato Miso Mazemen ที่ใช้ส่วนผสมที่ช่วยชูรสอย่างมะเขือเทศเชอร์รี่ หอมกลิ่นผักชี เนยแข็ง และกระเทียมทอด กลายเป็นราเมนจานเด็ดรสชาติกลมกล่อมที่คนรักราเมนห้ามพลาด!

7. ร้าน Guljak Topokki & Chicken (กอลจัก ต๊อกป๊กกี แอนด์ ชิกเก้น)

สาวกอาหารเกาหลีต้องโดน กับร้าน Guljak Topokki & Chicken ร้านอาหารเกาหลีแบบต้นตำรับจากจังหวัดคยองกี อร่อยฟินไม่ต้องบินไกลไปถึงเกาหลี ด้วยวัตถุดิบ รสชาติ แบบเกาหลีแท้ๆ เน้นความสดใหม่ คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ สำหรับเมนูแนะนำที่ต้องสั่ง คือเมนูซิกเนเจอร์ ซุปต๊อกป๊กกี ออริจินอล, ไก่ทอดต้นตำรับกอลจัก, ไก่ทอดกันปุง, ซุปโรเซ่ ต๊อกป๊กกี, ข้าวปั้นสาหร่ายเกาหลี และยิ่งไปกว่านั้นกอลจักได้คิดค้นความอร่อยที่ลงตัวโดยนำเอา 2 เมนูอย่างซุปต๊อกป๊กกี และ ไก่ทอดร้อนๆ เสิร์ฟคู่กันด้วยคอนเซปต์ “ไก่จิ้มต๊อก” ผสมผสานเข้ากับน้ำซุปสูตรเกาหลีแท้ๆ

โดยแต่ละน้ำซุปกอลจักได้เลือกน้ำซุปดั้งเดิมที่มีมากกว่า 100 ปี มาทำให้เกิดเป็นเมนูซุปต๊อกป๊กกีที่ไม่เหมือนใครในเกาหลี แต่ยังคงรสชาติเกาหลีแท้ๆ รวมถึงไก่ทอดสูตรพิเศษกรอบนอกนุ่มใน โดยใช้ไก่สด “เบญจา” ที่ผ่านการเลี้ยงด้วยข้าวกล้องไรซ์เบอรี่และไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ ไร้สารเร่งฮอร์โมน ไม่ผ่านการแช่แข็ง เนื้อนุ่มหวานฉ่ำ มีคุณประโยชน์สารอาหารครบถ้วน คลุกเคล้าด้วยซอสเกาหลีสูตรต่างๆ ในรสชาติเกาหลีแบบออริจินอลหลากหลายรสชาติ

8. Phed Phed Pop (เผ็ด เผ็ด ป๊อป)

ร้าน Phed Phed เกิดขึ้นจากแพสชั่นความหลงใหลในรสชาติความแซ่บนัวเผ็ดร้อนของอาหารอีสานผสานเข้ากับรสนิยมด้านงานออกแบบอย่างมีสไตล์ ที่ได้นำรสชาติอาหารอีสานของที่บ้านมาผสมกับรสชาติที่เก็บเกี่ยวจากการเดินทางไปลองลิ้มชิมรสอาหารอีสานทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงการนำเอาเมนูแบบที่ทำกินกันเองในบ้านมาปรุงให้คนอื่นได้ลิ้มลอง

นอกจากความสร้างสรรค์ในการทำเมนูต่างๆ แล้ววัตถุดิบส่วนใหญ่ยังเป็นแบบโฮมเมดที่มีคุณภาพ รสชาติเผ็ดถึงใจ สำหรับเมนูอาหารจานเด็ดจะเน้นอาหารจานป๊อปเป็นหลัก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารยอดนิยมของสถานที่ต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอดีต นำมาปรับปรุง เพิ่มเติมให้เป็นเมนูพิเศษ เช่น เมนูแกงเห็ด สูตรพิเศษ ที่นำใบย่านาง ยอดมะพร้าว และเห็ดตามฤดูกาลรวมต้มกับน้ำใบย่านางให้รสชาติขนานแท้ หรือเมนูไฮไลต์ ตำแตงโม รสเด็ด รสชาติจัดจ้าน และเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

9. Little Market (ลิตเติ้ล มาร์เกต)

Little Market ร้านเบอร์เกอร์รสชาติต้นตำรับแท้ๆ สไตล์อเมริกัน โดยเชฟ Chet Adkins จากร้านจั่ว (JUA) เสิร์ฟเบอร์เกอร์สไตล์ Smashed Burger จุดเด่นของร้านคือการเลือกใช้แต่วัตถุดิบคุณภาพดี เกรดพรีเมียม โดยเลือกใช้ เนื้อวัว Angus เลี้ยงแบบ Grain-Fed 270 วัน จากฟาร์มแรนเจอร์วัลเลย์ ประเทศออสเตรเลีย หรือเนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่ ที่ตั้งใจใช้ผลิตภัณฑ์ ปลอดยาปฏิชีวนะและฮอร์โมนเร่งโต ซึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของร้านการันตีรสชาติแบบอเมริกันแท้ๆ ประกอบไปด้วย “Triple Double” เบอร์เกอร์เนื้อแองกัส 3 ชั้นเนื้อแองกัสบด ที่นำไปสแมช 3 ชิ้น เสิร์ฟพร้อมหัวหอม แตงกวาดอง อเมริกันชีส เสิร์ฟบนขนมปังขาวปิ้ง ราดมายองเนส มัสตาร์ด

หรืออีกเมนูต้องลอง “Buffalo Wings” ปีกไก่ทอดบัฟฟาโล ปีกไก่ทอดคลุกซอสบัฟฟาโล ซอสประจำเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ซอสรสชาติเผ็ดเปรี้ยว จัดจ้าน แบบอเมริกันแท้ๆ เสิร์ฟกับแครอท และขึ้นฉ่ายฝรั่ง พร้อมซอสแรนช์ สูตรของร้าน และสุดท้ายพลาดไม่ได้กับ Chocolate Milkshake ช็อกโกแลต มิลค์เชค ที่ช็อกโกแลตพรีเมียม เพื่อให้ได้มิลค์เชคแบบอเมริกันแท้ๆ พร้อมยกมาเสิร์ฟประสบการณ์กินเบอร์เกอร์รสชาติต้นตำรับแท้ๆ สไตล์อเมริกัน

10. ร้าน EL’ Mar (เอล มาร์)

ซีฟู้ดเลิฟเวอร์ต้องถูกใจสิ่งนี้จาก Belon Oyster & Raw Bar ที่ขึ้นเรื่องหอยนางรมคุณภาพ พัฒนาสู่ร้าน EL’ MAR ร้านซีฟู้ดแอนด์กริลล์สไตล์ Modern European ในบรรยากาศสบายๆ ให้ผู้มาเยือนได้เห็นกรรมวิธีการปรุงอาหารที่สดใหม่ผ่าน Open Kitchen พร้อมนำเสนออาหารทะเล และเมนูเนื้อเกรดพรีเมียมสดใหม่จากทั่วโลก มีเมนูไฮไลต์น่าลองหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หอยนางรมสด ที่คัดพิเศษ รวมถึง ล็อบสเตอร์โรล ที่ได้รับความนิยมจนได้รางวัล “The Best Lobster Roll in Bangkok 2016” รวมถึงเอาใจสายเนื้อด้วยสเต๊กเนื้อวากิวนำเข้าเกรดพรีเมียม

นอกจากนี้ยังมีอาหารจานเด็ดเป็นซิกเนเจอร์ดิช ที่เพิ่มลูกเล่นในเทคนิคการปรุงอาหารให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติ ไม่ว่าจะเป็น Fresh Pasta หลากหลายซอสแบบโฮมเมด เช่น Puthanesca มะเขือเทศจัดจ้าน, Josper Grilled Seafood/Wagyu Steak & Paella, Caviar Bites..