จากกรณีอดีตทหารหญิง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นนายจ้างของตนบังคับใช้แรงงานดูแลรับใช้ และทำร้ายร่างกาย เช่น ถูกตบตีตามร่างกาย ถูกเครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตตามร่างกาย ใช้ไม้หน้าสามตีที่ใบหน้า เป็นต้น ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ตามที่ปรากฏในข่าวและสื่อต่างๆ ไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 20 ส.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้เดินทางลงพื้นที่ สภ.เมืองราชบุรี ติดตามคดีดังกล่าว ขณะที่ ส.ต.ท.หญิง กรศศีร์ บัวแย้ม อายุ 43 ปี ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1ผู้ต้องหา ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี แล้ว
โดยพนักงานสอบสวนจะได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ ส.ต.ท.หญิง ว่า เป็นข้าราชการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยการข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือให้บริการโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของบุคคลนั้นเอง หรือผู้อื่น โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือ ส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นใดโดยมิชอบ ขู่เข็ญว่าจะใช้กระบวนการทางกฎหมายโดยมิชอบ หรือโดยให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่น แก่ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลบุคคลนั้น เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้ความยินยอมแก่ผู้กระทำความผิด ในการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ตนดูแล อันเป็นความผิดฐาน ค้ามนุษย์ และทำร้ายร่างกายผู้นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ (ความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พศ.2551 มาตรา 6, มาตรา 6/1, มาตรา 13 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295)
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ประชาชน และสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงได้กำชับให้มีความละเอียดรอบคอบในการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งเร่งรัดให้มีการดำเนินการให้ความช่วยกับเหยื่อ ให้ได้รับความยุติธรรม ในกรณีของตัวตำรวจหญิงซึ่งได้มอบตัวแล้วนั้น จะดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด ไม่มีการยกเว้น นอกจากนี้ จะให้ทางต้นสังกัดพิจารณาโทษทางวินัย เพื่อมิให้เกิดการกระทำผิดในลักษณะเช่นนี้อีก.