เมื่อวันที่ 20 ส.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. แถลงภายหลังเข้าสอบปากคำ ส.ต.ท.หญิง กรศศีร์ บัวแย้ม อายุ 43 ปี ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1 ผู้ต้องหาทำร้ายอดีตทหารรับใช้ ว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น ยอมรับสารภาพว่าได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจริง โดยอ้างว่า ตัวเองมีอาการที่ไม่สามารถจะควบคุมอารมณ์ของตนได้เป็นระยะๆ โดยมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมาแสดง ซึ่งในใบดังกล่าว มีการระบุว่าได้เข้ารับการรักษามาแล้ว 2 ปี แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าอาการที่เป็นนั้นคือโรคอะไร

ขณะที่ผู้ต้องหาเมื่อสอบปากคำ ก็มีอาการร่ำไห้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปและขอโทษที่ได้ก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งอยู่ในระหว่างรอทนายความที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ให้มาถึงก่อน ถึงจะให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

ขณะที่พนักงานสอบสวนอีก 1 ชุด อยู่ในระหว่างเตรียมยื่นขอศาล จ.ราชบุรี ขออนุมัติหมายค้นบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ทำร้ายร่างกายและจุดที่ก่อเหตุ เพื่อมาประกอบกับสำนวนคดี

ส่วนการพิจารณาให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนหรือไม่นั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตนคาดว่าพนักงานสอบสวนจะให้ประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามามอบตัวเอง และคดีไม่มีความซับซ้อน ส่วนความกังวลว่าจะไปข่มขู่ผู้เสียหาย และเข้าไปยุ่งกับพยานหลักฐานอีกหรือไม่ ตนเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไม่เข้าไปข่มขู่พยานและผู้เสียหายอีก หากว่ากระทำเช่นนั้น ทางตำรวจก็จะถอนการประกันตัวทันที

ทั้งนี้วันจันทร์ที่ 22 ส.ค.นี้ เจ้าตัวจะต้องไปรายงานตัวกับกองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ที่เป็นต้นสังกัด เพื่อให้ทางต้นสังกัดดำเนินการทางกฎหมายและวินัยตามขั้นตอนต่อไป

เมื่อถามถึงเส้นทางการรับเข้าราชการตำรวจนั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เข้ามารับราชการอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ส่วนการทำงานนั้น พบว่าไปช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และทำหน้าที่ประสานงานให้กับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ท่านหนึ่ง ตนไม่ขอเอ่ยชื่อ และหน้าที่นี้ก็ไม่ต้องเดินทางไปสำนักงานทุกวัน

ส่วนเรื่องฝากผู้เสียหายเข้ารับราชการทหารนั้น ต้องให้ทางทหารเป็นผู้ตรวจสอบ แต่เชื่อว่ามีเอกสารยืนยันว่า เข้ารับราชการทหารอย่างถูกต้อง

ขณะที่มีรายงานว่า ใบรับรองแพทย์ที่ผู้ต้องหานำมายื่นกับพนักงานสอบสวนนั้น ได้ลงวันที่ 19 ส.ค. ก่อนที่จะเข้ามามอบตัวเพียงวันเดียว แพทย์ที่ออกใบรับรองนั้นไม่ใช่ผู้รักษา แต่เป็นผู้ลงความเห็นอาการป่วยจากประวัติการรักษาเท่านั้น โดยได้เพียงแต่ซักถามกับตัวผู้ต้องหา.