เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ร.ต.อ.เรืองศักดิ์ แสงคำ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งเหตุผูกคอเสียชีวิต ในพื้นที่ ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 จุด อ.ลำปลายมาศ ที่เกิดเหตุบริเวณใต้ต้นขนุนหลังบ้าน พบศพ นายปรีดี (สงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี สภาพใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตัวเองกับกิ่งไม้ ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลถูกทำร้ายคาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง ใกล้กันพบเก้าอี้สีชมพูล้มอยู่ จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

สอบถามภรรยา ผู้ตาย อายุ 66 ปี เบื้องต้นเล่าว่า ผู้ตายพิการตาบอด ก่อนหน้านี้ลูกสาวไปกู้เงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยร้อยละ 20 แต่ระยะหลังไม่มีจ่ายและหลบหนีไป ไม่ให้พวกเก็บดอกเห็นหน้า แต่พวกเงินกู้ก็ไม่ยอม มาข่มขู่ให้ตนหาเงินมาจ่ายแทนให้ได้ ตนก็ยืมเพื่อนบ้านมาจ่ายให้หลายครั้ง แต่บางครั้งตนไม่อยู่บ้าน มีเพียงผู้ตายอยู่ตามลำพัง และถูกคนเก็บเงินกู้บังคับให้ไปหาเงินมาจ่ายแทน ผู้ตายก็บอกไปว่า ”ตาบอด” ไม่รู้จะไปหาเงินมาจากไหน แต่กลับถูกพวกทวงหนี้ด่าเสียๆหายๆ จนเกิดความเครียด คาดว่าอาจเป็นชนวนเหตุที่ทำให้คิดสั้น

ด้านลูกสาวผู้ตาย อายุ 35 ปี เล่าว่า ก่อนหน้านี้มีอาชีพขายผักสดในตลาด ต่อมาหลังเกิดโรคโควิดระบาด ขายของไม่ค่อยได้ หมุนไม่ทัน มีเพื่อนชวนให้กู้เงินดอกเบี้ยรายวันค้ำกันไปมา ครั้งแรกกู้มา 6,000 บาท ส่งวันละ 300 บาท 24 วัน แต่พอหมุนไม่ทันจึงกู้เจ้าอื่นมาหมุนเพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้ แต่ก็ส่งไม่ไหวอีก จนเป็นดินพอกหางหมู ไปกู้มาหมุนเงินถึง 6 เจ้า เฉลี่ยส่งวันละ 2,000 บาท สุดท้ายต้องยอมรับว่าหาเงินจ่ายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องเลิกขายผักกลับมาอยู่บ้าน แต่พวกแก๊งทวงหนี้ก็ตามมาถึงบ้าน จึงหลบหน้าหนีออกมาไม่ให้พวกทวงหนี้เจอ แต่ไม่รู้ว่าพวกทวงหนี้จะไปขู่พ่อที่ตาบอดจนเครียดผูกคอตาย ตนรู้สึกเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุทำให้พ่อตาย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ช่วงเย็นวันเดียวกัน ระหว่างญาติและชาวบ้านกำลังจัดงานศพผู้ตายในวัดยังมีแก๊งเงินกู้ขับรถกระบะ เข้ามาวนเวียนในวัดหลายคัน คาดว่าจะมาตามทวงหนี้ลูกสาวผู้ตายแต่พอเห็นผู้สื่อข่าวจึงขับรถออกจากวัดไป