เว็บไซต์ journalofinfection.com ได้เผยแพร่รายงานกรณีศึกษาของผู้ป่วยรายหนึ่ง มีป่วยเป็นทั้งโรคโควิด-19, โรคฝีดาษลิง และโรคเอดส์ พร้อม ๆ กัน

ผู้ป่วยนิรนามรายนี้ เป็นชายชาวอิตาลี อายุ 36 ปี ถือว่าเป็นผู้ป่วยรายแรกของโลก ที่มีเชื้อไวรัสของทั้ง 3 โรคอยู่ในตัว และมีการตรวจพบภายในวันเดียวกัน อาการของเขาเริ่มจากการมีไข้ เจ็บคอ และปวดศีรษะ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่เขาไปเที่ยวที่ประเทศสเปน 

เขารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และพบเชื้อในวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากนั้นอาการของเขาก็แย่ลงผิดปกติภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง  

ในตอนแรก เขาสังเกตว่าตัวเองมีผื่นขึ้นที่แขนซ้าย ในวันต่อมาเขาก็มีตุ่มพองขึ้นที่ใบหน้า ลำตัว แผ่นหลังและขาทั้งสองข้าง ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้เขา เมื่อตุ่มพุพองเริ่มกลายเป็นหนอง เขาก็รีบไปโรงพยาบาลในเมืองคาตาเนียทันที

เนื่องจากผู้ป่วยยอมเปิดเผยว่า เขามีเพศสัมพันธ์แบบไร้การป้องกันกับชายอื่นในระหว่างท่องเที่ยวที่สเปน ทีมแพทย์จึงตรวจหาเชื้อฝีดาษลิง และสั่งตรวจหาเชื้อโรคที่สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ด้วย ในระหว่างที่เขารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 

ในวันที่ 6 ก.ค. 2565 เขาได้รับการวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อไวรัสแบบร่วม ประกอบด้วยเชื้อของโรคโควิด-19, ฝีดาษลิง และเอดส์พร้อมกัน โดยตามประวัติการรักษาตัวของผู้ป่วยรายนี้ พบว่าเขาเคยเป็นโรคซิฟิลิสในปี 2562 แต่ตรวจไม่พบเชื้อเอดส์ จากการตรวจครั้งสุดท้ายในปี 2564 ซึ่งแสดงว่า การติดเชื้อเอดส์ของเขาเพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นาน

กรณีของเขาแสดงให้เห็นว่าอาการของโรคฝีดาษลิงและโควิด-19 สามารถเกิดขึ้นซ้อนกันได้ ซึ่งยิ่งทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่ควรจะตรวจหาเชื้อไวรัสอื่น ๆ ที่สามารถแพร่ผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ได้ หลังจากที่ตรวจพบเชื้อของโรคฝีดาษลิงในตัวผู้ป่วย

เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้ เป็นรายแรกในโลกที่มีการติดเชื้อไวรัสพร้อมกัน 3 โรค ทีมแพทย์จึงไม่มีข้อมูลว่า ไวรัสของแต่ละโรคจะส่งผลกระทบต่ออาการป่วยอย่างไรบ้าง 

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายนี้ก็สามารถฟื้นตัวได้ดี แผลพุพองจากโรคฝีดาษลิงของเขาตกสะเก็ดภายในเวลาไม่กี่วัน ที่รักษาตัวในโรงพยาบาล เขาได้รับยาโซโทรวิแมบ (Sotrovimab) เพื่อรักษาโควิด-19 ผ่านทางเส้นเลือด และอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 6 วัน อาการป่วยของผู้ป่วยรายนี้ก็หายไปเกือบหมด แม้จะยังตรวจพบเชื้อโควิด-19 และฝีดาษลิงอยู่ แต่เขาก็ได้รับอนุญาตให้กลับไปกักตัวต่อที่บ้าน

เมื่อเขากลับมาพบแพทย์เพื่อติดตามอาการ ก็พบว่าอาการเจ็บปวดตามผิวหนังของเขาหายไปเกือบหมด เหลือเพียงรอยแผลเป็นเล็กน้อย และไม่จำเป็นต้องรับการรักษาโรคฝีดาษลิงอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายนี้ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการให้ยาต้านไวรัสแบบสูตรยารวม เพื่อควบคุมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเขาให้ทำงานตามปกติ และกดปริมาณของเชื้อไวรัสเอชไอวีในกระแสเลือดเอาไว้ เช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคเอดส์รายอื่น ๆ 

แหล่งข่าว : insider.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES